พื้นที่ส่วนกลางคือสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการต่างๆที่ให้บริการแก่ผู้อยู่อาศัยที่อาศัยอยู่คอนโด สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านั้น คือ ที่จอดรถส่วนกลาง เลานจ์นั่งเล่น สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย สวนบนดาดฟ้า และอื่นๆเป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ทุกคนใช้ร่วมกันอยู่ภายในคอนโดมิเนียม อีกทั้งยังเป็นจุดขายของโครงการที่นำใช้ เพื่อให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ทำให้พื้นที่ส่วนกลางกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อคอนโด เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพื้นที่ส่วนกลางนั้นตอบโจทย์และสามารถใช้งานได้ดีหรือเปล่า เรามาดูกันเถอะค่ะว่าแบบไหนที่เหมาะสมกับเรา
- พื้นที่ส่วนกลางกับความปลอดภัย
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่สำคัญที่สุดของพื้นที่ส่วนกลางที่จะสามารถรักษาผู้อยู่อาศัยได้ดีที่สุด นั่นคือ ความปลอดภัย ซึ่งในแต่ละโครงการมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่แตกต่างกันไป และที่เห็นกันโดยทั่วไป คือ ระบบคีย์การ์ด หรือบัตรผ่านประตู ที่ต้องแสกนบัตรก่อนเข้าสู่โครงการ ทั้งนี้จะมีความปลอดภัยกว่าหากมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยคอยสอดส่อง เพื่อไม่ให้คนนอกแอบแฝงเนียนเดินตามอาคาร หรืออีกระบบหนึ่งที่สามารถช่วยได้คือ ระบบลิฟต์ล็อคชั้น ที่ผู้อยู่อาศัยสามารถกดได้เฉพาะชั้นที่ตนอยู่อาศัยและชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกล่างอื่นๆเท่านั้น เช่น อย่างโครงการ U Delight @ ตลาดพลู ที่มีทั้งระบบคีย์การ์ด และยังมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูกล้องวงจรปิดซึ่งทำหน้าที่อยู่ในจุดที่ลูกบ้านมองเห็น จึงมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีการปล่อยปะละเลยเรื่องของความปลอดภัยอย่างแน่นอน
- ความเพียงของลิฟต์ต่อผู้อยู่อาศัย
ระบบลิฟต์ คืออีกหนึ่งระบบของพื้นที่ส่วนกลางที่ผู้อยู่อาศัยต้องใช้ร่วมกัน โดยส่วนใหญ่แล้วทุกโครงการสามารถดูอัตราส่วนลิฟต์โดยสารได้ สามารถคิดเป็น จำนวนห้อง:จำนวนลิฟต์ในอาคาร หรือหากพูดง่ายๆคือทั้งโครงการมีลิฟต์อยู่กี่ตัว เพียงพอสำหรับผู้อยู่อาศัยหรือไม่ ยิ่งมีจำนวนห้องเยอะมาก ก็ยิ่งต้องมีจำนวนลิฟต์มากขึ้นเพื่อรองรับกับผู้เข้าอาศัย
นอกจากนี้ ควรสังเกตว่าโครงการที่จะซื้อนั้นมีลิฟต์เซอร์วิสหรือไม่ ในกรณีที่แม่บ้านหรือพนักงานทำความสะอาด และขนขยะไปทิ้งหรือดูแลความสะอาดบริเวณห้องโถงทางเดินทุกวัน ซึ่งพนักงานเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ลิฟต์เซอร์วิสที่แยกต่างหากสำหรับลิฟต์ผู้อยู่อาศัย
- ที่จอดรถส่วนกลาง
สำหรับคนกำลังมองหาคอนโดและมีรถยนต์ส่วนตัว พื้นที่ส่วนกลางที่เราจำเป็นต้องใส่ใจ คือ ที่จอดรถส่วนกลาง เพราะหลายโครงการได้ประสบปัญหากับที่จอดรถไม่เพียงพอ หรือต้องคอยวนรถหาที่จอดในคอนโดทุกวัน อันดับแรก เราต้องเช็คเปอร์เซ็นต์ที่จอดรถกับโครงการว่าเพียงพอหรือไม่ ซึ่งจำนวนเปอร์เซ็นต์นั้นจะคิดมาจากการเทียบจากจำนวนที่จอดกับยูนิตทั้งโครงการ ซึ่งปกติแล้วถ้าโครงการไม่แพงมาก จะมีที่จอดรถประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ และจอดแบบซ้อนคัน
และอีกอย่างหนึ่ง ที่เราสามารถเช็คได้จากทางโครงการคือ มีวิธีแก้ปัญหาที่จอดรถไม่พออย่างไร บางโครงการก็ใช้วิธีใครมาก่อนสามารถจอดได้ก่อน และใครมาหลังต้องจอดซ้อน หรือไม่ก็เก็บค่าเช่าที่จอดรถเพิ่มเป็นรายเดือน แต่ก็ยังมีอีกหลายโครงการใหญ่ๆ ที่ใช้จุดนี้เป็นจุดขายในการ ขายคอนโดพร้อมโฉนดที่จอดรถ ซึ่งมีข้อดีที่เราจะได้เป็นเจ้าของที่จอดรถส่วนตัวของเราเองแต่ก็จะมีค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นมาด้วยเพราะค่าส่วนกลางนั้นคิดจากพื้นที่ที่เราครอบครอง
นอกจากนี้ เราสามารถดูจากการเข้าพักของจำนวนชาวต่างชาติว่ามีจำนวนกี่เปอร์เซ็นต์ หากการเข้าพักของชาวต่างชาติมีเปอร์เซ็นต์น้อย ก็สามารถวางใจได้ในระดับหนึ่งว่าอาจจะมีพื้นที่จอดรถเพียงพอสำหรับผู้อยู่อาศัยนคอนโด
- สระว่ายน้ำส่วนกลาง
นอกจากพื้นที่ส่วนกลางที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหนึ่งพื้นที่ส่วนกลางที่ถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สร้างมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น คือ สระว่ายน้ำ ซึ่งจัดว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากโดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กๆอาศัยอยู่ด้วย จำเป็นต้องมองหาสระว่ายน้ำเด็กเป็นอันดับแรก รวมถึงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อีกด้วยเพื่อรองรับการใช้งาน เป็นต้น
- พื้นที่ส่วนกลางสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ
พื้นที่ส่วนกลางนี้ เป็นพื้นที่ส่วนที่ทุกคนต้องการเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะเหมาะสมกับนักศึกษา อาจารย์ หรืออาชีพฟรีแลนซ์ ที่สามารถชวนเพื่อนๆเข้ามานั่งพูดคุย ทำงานอ่านหนังสือ ทั้งนี้ เราต้องดูว่าทางโครงการจัดสรรพื้นที่มาเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ มีจำนวนโต๊ะมากน้อยขนาดไหน และบางโครงการอาจจะมีความพิเศษตรงที่สามารถชมวิวสวยๆในขณะที่พักผ่อนได้ แต่ราคาอาจจะแพงขึ้นมานิดหน่อย
- พื้นที่ส่วนกลางด้านสุขภาพ
พื้นที่ส่วนกลางด้านสุขภาพ คือ พื้นที่สำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบในการออกกำลังกาย และเกือบทุกโครงการมีห้องออกกำลังกาย สิ่งที่เราควรเช็คคือ เครื่องออกกำลังมีจำนวนเพียงพอต่อผู้อยู่อาศัยหรือไม่
- ร้านค้า
ร้านค้า จัดว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจซื้อคอนโด หากคอนไหนไม่มีร้านที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงแล้ว นับว่าโครงการนั้นห่างไกลจากความสะดวกสบายเกินไป เพราะที่อยู่อาศัยที่ดีต้องรายล้อมไปด้วยปัจจัยด้านอื่นๆ เช่น อาหาร และยารักษาโรค เป็นต้น
สำหรับโครงการที่ไม่ใหญ่มาก อาจจะไม่มีร้านค้าภายในโครงการ แต่ทำเลของโครงการอาจจะตั้งอยู่ใกล้ร้านสะดวกซื้อที่สามารถเดินชิลล์ๆได้ และไม่เปลี่ยว
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆอีกมากมายที่เราสามารถสังเกตุได้ง่าย ทางเว็บไซต์ Baanthai หวังว่าบาทความนี้จะเป็นประโยชน์กับการตัดสินใจซื้อคอนโดของคุณ และสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราเป็นอย่างยิ่ง