สาว ๆ หนุ่ม ๆ สายแฟชั่นจ๋าหลายคนมีปัญหากับการจัดการเสื้อผ้าที่เยอะแยะกันใช่ไหม และในบางครั้งตู้เสื้อผ้าโดยทั่วไปนั้นเอาไม่อยู่ ฉะนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงในเรื่องของ Walk-in Closet กัน โดยเราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากมี หรืออาจจะเป็นความฝันของใครหลายคนที่อยากมี Walk-in Closet เช่นกัน
โดย “Walk-in Closet” คือ พื้นที่หรือห้องสำหรับเก็บเสื้อผ้า เครื่องประดับ และของแต่งตัวต่าง ๆ มีหลากรูปแบบ หลายขนาด โดยทั่วไปมักเป็นห้องขนาดเล็กที่มีตู้ติดผนัง ชั้นวางของ และลิ้นชัก โดยอาจมีหรือไม่มีประตูก็ได้ ส่วนใหญ่มักจะไม่มีประตูบานหน้ากว้าง เพื่อให้ผู้ใช้ได้มองเห็นเสื้อผ้าได้เลยทันที ไม่ต้องไล่เปิดบานตู้ทีละบาน แต่ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดฝุ่นได้ง่าย และถ้าจัดเก็บไม่เป็นระเบียบก็จะทำให้ตู้ไม่เรียบร้อย ไม่สวยงามนั่นเอง แต่ทั้งนี้หลายคนมองว่า Walk-in Closet เป็นห้องที่มีความหรูหรา หรือต้องอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ๆ เท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วนั้น หากบ้านของคุณมีพื้นที่ก็สามารถมี Walk-in Closet ได้ทุกบ้านเลยนะ โดยการออกแบบและสร้าง Walk-in Closet นั้นจะแตกต่างไปจากตู้เสื้อผ้าทั่วไป ฉะนั้นถ้าคุณอยากมี Walk-in Closet วันนี้ Fazwaz จะมีเคล็ดลับในการออกแบบ Walk-in Closet ให้เข้ากับบ้านและไลฟ์สไตล์ของคุณมาแนะนำกันค่ะ จะมีอะไรบ้างไปอ่านกันเลย
ประเภทของ Walk in Closet
– Single-Sided Walk-in Closet : เป็นพื้นที่เก็บเสื้อผ้าที่มีขนาดเล็กที่สุดและเรียบง่ายมากที่สุด มีพื้นที่สำหรับเก็บของจัดวางไว้อยู่บนผนังฝั่งตรงข้ามของทางเข้า และมีพื้นที่ว่างเล็กน้อยสำหรับการเข้าถึง
– Double-Sided Walk-in Closet : เป็นพื้นที่จัดเก็บที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สามารถจัดเก็บเสื้อผ้าได้ทั้ง 2 ด้านซ้าย-ขวา และมีทางเดินที่ชัดเจนอยู่ตรงกลาง
– Island Walk-in Closet : เป็นตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินสองด้านโดยมีเคาน์เตอร์หรือพื้นที่ว่างอยู่ตรงกลาง เก็บของได้ทั้ง 3 ผนัง หรือด้านใดด้านหนึ่งมีไว้สำหรับวางหรือทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งได้ Walk-in Closet ลักษณะนี้จะมีพื้นที่กว้างขวางและให้ความรู้สึกหรูหรา
เคล็ดลับในการออกแบบ Walk-in Closet เพื่อตอบโจทย์การใช้งานเต็มฟังก์ชัน
- การจัดพื้นที่ใช้สอบและขนาดของ Walk-in Closet ให้เหมาะสม: เรื่องขนาดและพื้นที่การใช้งานนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ต้องคำนึง เพื่อความสะดวกสบายในการหยิบใช้งาน เพราะปริมาณเสื้อผ้าของผู้หญิงค่อนข้างเยอะ เรียกง่าย ๆ คือต้องรู้จักประเมินความต้องการของตัวเอง นั่นเอง
- วัดห้องของคุณ: เริ่มวัดขนาดห้องและวาดแผนผังชั้น กำหนดตำแหน่งประตูและหน้าต่าง ราวแขวนต่าง ๆ ให้พอเหมาะกับการใช้งาน เช่น การติดตั้งราวแขวน ควรมีความสูงที่อยู่ในระยะที่เอื้อมถึง หรือประมาณ 1.5 เมตร ด้านบนอาจทำชั้นสำหรับจัดเก็บสิ่งของอื่น ๆ เช่น หมอน ผ้าปูที่นอน ที่จำเป็นต้องหยิบใช้ โดยควรมีความสูงไม่เกิน 1.8-1.9 เมตร ส่วนลิ้นชักจัดเก็บชุดชั้นใน ควรติดตั้งให้อยู่บริเวณด้านล่าง ระยะความสูงของลิ้นชักควรอยู่ที่ประมาณ 40 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังควรพิจารณาถึงตำแหน่งของเต้าเสียบ สวิตช์ไฟ ช่องระบายอากาศ และอุปกรณ์อื่น ๆ ในการแต่งตัวด้วย
- จัดสรรพื้นที่เก็บของให้เหมาะสมและใช้ประโยชน์ได้สูงสุด: แบ่งพื้นที่ในส่วน Walk-in Closet ให้เหมาะสมและเพียงพอกับการใช้งาน โดยเริ่มตั้งแต่การแบ่งพื้นที่แขวนเสื้อผ้า เช่น เสื้อเชิ้ต กระโปรง กางเกง หรือเดรส ชุดราตรี หรือเสื้อโค้ทตัวยาว กำหนดชั้นวางหรือลิ้นชักสำหรับเก็บของหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เข็มขัด เนคไท หมวก เครื่องประดับ กระเป๋าถือ หรือกระเป๋าเดินทาง รวมไปถึงช่องว่างสำหรับวางรองเท้า นอกจากนี้ยังควรคำนึงถึงพื้นที่ส่วนเกาะกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับลองชุดหรือจัดเก็บเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้เป็นระเบียบมากขึ้น
- ออกแบบให้แสงธรรมชาติเข้าถึง ให้มีความโปร่ง ป้องกันความชื้น: ในการออกแบบ Walk-in Closet ควรเลือกพื้นที่ห้องที่มีช่องแสงธรรมชาติส่องเข้ามาถึง หรือเว้นพื้นที่ให้มีแสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามาได้ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถได้มองเห็นข้าวของต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนตรงกับสีจริง ไม่เพี้ยน นอกจากนี้ยังควรออกแบบให้ Walk-in Closet มีหน้าต่างหรือช่องลมที่สามารถระบายความอับชื้นภายในห้องได้
ไอเดียเล็ก ๆ สำหรับ Walk in Closet ค่ะ