สำหรับใครหลาย ๆ คนหลังจากที่เรียนจบและมีงานทำเป็นหลักแหล่งและมั่นคงแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักจะเริ่มสร้างครอบครัว สร้างฐานะของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการคิดที่จะมีรถสักคันหนึ่งเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับตัวเองเวลาที่ต้องการจะเดินทางไปไหนมาไหน หรือสำหรับบางคนก็คิดที่จะซื้อ บ้าน หรือคอนโด เพื่อสำหรับไว้อยู่อาศัยเอง หรืออาจจะซื้อไว้เพื่อเป็นการลงทุนระยะ สำหรับปล่อยเช่า เหล่านี้เป็นต้น

เมื่อเราคิดที่จะซื้อบ้าน จะเลือกวิธีไหนดี จะซื้อเงินสด สินเชื่อ หรือแบบไหนดี ? ?

ถ้าหากเรามองแบบทั่ว ๆ ไป ดูเหมือนค่านิยมในการซื้อบ้านโดยขอสินเชื่อจากธนาคารก่อนแล้วค่อยผ่อนเป็นรายเดือนตามเงื่อนไขที่ทางธนาคารกำหนดไว้ วิธีนี้จะเป็นทางเลือกที่คนส่วนใหญ่นิยมเป็นอย่างมาก เหตุผลก็จะเป็นเพราะว่า โดยปกติแล้ว บ้าน จัดเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากจะรอซื้อเงินสด มูลค่าของบ้านสูงเกินที่เราจะไขว่คว้า อีกทั้งการเก็บเงินสดให้ได้มูลค่าหลักล้านนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เก็บเงินก่อน แล้วค่อยซื้อบ้านจะเป็นทางเลือกที่ผิดนะคะ แต่ในทางกลับกันอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับใครหลายคน ถ้าทำได้นะคะ เพราะดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านนั้นสูงมาก อาจสูงกว่า 2 เท่าของราคาบ้าน เช่น ซื้อบ้านในราคา 8 ล้านบาท หากผ่อนแบบปกติไม่มีการรีไฟแนนซ์ (Refinance) ไม่มีการโปะเงินต้น หรือจ่ายเงินต้นเพิ่มขึ้นนั้น ผู้ซื้อจะต้องจ่ายยอดถึง 14 ล้านบาท เท่ากับได้บ้านสองหลังแต่จ่ายเพียงหลังเดียว

แต่ถ้าหากเรามีศักยภาพเพียงพอที่สามารถจะเก็บเงินได้ไว ตามจำนวนของราคาบ้านที่ต้องการหรือที่เราตั้งเป้าหมายไว้ ก็อาจไม่จำเป็นต้องขอสินเชื่อจากธนาคาร และการขอสินเชื่อบ้านจากแต่ละธนาคารนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย จะต้องเสียเวลาติดต่อดำเนินการยุ่งยากไม่น้อยเลยทีเดียว การตัดสินใจว่าจะเป็นหนี้ก่อน หรือค่อย ๆ เก็บเงินไป จึงอาจขึ้นอยู่กับวิถีชีวิต ความจำเป็น ศักยภาพทางการเงินของแต่ละบุคคล ไม่มีทางเลือกไหนถูกหรือผิด มีแต่เหมาะสมหรือไม่ ระบบการเงินทุกช่องทางต่างออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น

เก็บเงินก่อนแล้วค่อยซื้อบ้าน
เก็บเงินก่อนแล้วค่อยซื้อบ้าน

จะเห็นได้ว่าเหตุผลทั้ง 2 กรณี ที่กล่างมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวเลือกเท่านั้น ยังมีตัวเลือกอื่น ๆ ให้เห็นอีกมาก เช่น บางคนเลือกที่จะซื้อที่ดินไว้ก่อน แล้วจึงคิดจะสร้างบ้านแรก ๆ ที่ดินที่ซื้อมานั้นอาจจะตั้งอยู่ในทำเลไม่สะดวก แต่นานวันไปเมื่อระยะเวลาผ่านไปนาน ๆ เชื่อเถอะคะ ความเจริญจะค่อย ๆ เข้าถึงแน่นอน และจะทำให้มูลค่าของที่ดินนั้น ๆ ย่อมมีราคาสูงขึ้นอีกด้วย ถึงเวลานั้นคุณก็อาจจะมีไอเดียที่คิดจะแบ่งขายที่ดิน แล้วนำกำไรส่วนที่ได้มานั้นมาสร้างบ้าน เปรียบเสมือนว่าเราได้บ้านมาฟรี ๆ อย่างไรล่ะคะ

สำหรับบางคนก็อาจจะมีความคิดที่ว่า “เช่าตลอดชีพ ไม่คิดที่จะซื้อ” ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจ ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คิดเช่าบ้านตลอดชีพ ไม่คิดจะซื้อ เพราะหากนำตัวเลขทางการเงินมาวิเคราะห์ เทียบราคากับบ้าน หลังละ 8 ล้านบาท หากผ่อนต้องจ่ายเดือนละ ประมาณ 3 หมื่นบาท รวมยอด 30 ปี 14 ล้านบาท ผู้คนบางกลุ่มจึงคิดว่า หากเขาเช่าบ้านเดือนละ 15,000 บาท จะเท่ากับ ปีละ 1.8 แสนบาท นั่นหมายถึงว่า เขาสามารถเช่าบ้านได้นานถึง 61 ปี แถมยังจ่ายต่อเดือนน้อยกว่าอีกด้วยถึงเกือบเท่าตัว

แนวคิดที่ว่า “เช่าตลอดชีพ ไม่คิดที่จะซื้อ” ก็จะมีข้อดีตรงที่ว่า คุณสามารถที่จะเปลี่ยนบ้านใหม่ได้เรื่อย ๆ ตามความต้องการและการเปลี่ยนแปลง สามารถที่จะย้ายสถานที่ได้ ไม่ต้องวิตกกังวลกับการที่จะต้องเสียค่าบำรุงรักษาบ้านเลย เพราะหน้าที่นี้ก็จะเป็นของผู้ให้เช่าที่จะต้องรับผิดชอบ แต่อย่าลืมนะคะว่าในที่สุดคุณก็จะไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สิน หรือมีสินทรัพย์อะไรเลยนะคะขอ

ยิ่งในยุคสมัยนี้ คนโสดมากขึ้นนิยมที่จะอาศัยอยู่เพียงลำพัง เพราะไม่รู้ว่าจะซื้อบ้านแล้วจะเก็บไว้ให้ใครเป็นมรดก ก็เลยเลือกที่จะเช่าตลอดชีพจะดีกว่า ค่อนข้างที่จะมีอิสระกว่ามาก ไม่มีภาระผูกพัน และไม่มีหนี้สินระยะยาวอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้คุณควรที่จะพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าจะเลือกการตัดสินใจแบบไหนดี เพราะยิ่งถ้าปล่อยให้ชีวิตเราผ่านไปจนเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ถ้าเราคิดจะซื้อบ้านเมื่อเราอายุเยอะก็จะมีอัตราในการผ่อนในแต่ละเดือนค่อนข้างสูง แต่ถ้าเราวางแผนการขอสินเชื่อซื้อบ้านตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ อัตราในการผ่อนบ้านในแต่ละเดือนก็จะถูกลงนะคะ ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน จะซื้อบ้านก่อนแล้วค่อยผ่อนจ่ายทีหลัง หรือจะเก็บเงินก่อนแล้วค่อยซื้อบ้าน อันนี้ก็ควรที่จะค่อย ๆ คิดตัดสินใจไปนะคะ ไม่ต้องรีบร้อน เพราะเรื่องบ้านเป็นเรื่องสำคัญและค่อนข้างที่จะมีมูลค่าที่สูง เอาตามที่เราเห็นเหมาะสมและสมควรกับสถานะทางการเงินของแต่ละคนได้เลยนะคะ วันนี้แอดมิน BaanThai ขอนำสิ่งดี ๆ เสนอไว้เพียงแค่นี้ก่อนนะคะ ฉบับหน้าจะเป็นเรื่องใด นั้นไว้มาติดตามกันนะคะ