รู้จัก Home Sharing ธุรกิจใหม่ที่จะมาแทนโรงแรม

ในโลกปัจจุบันนั้นต่างก็มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เรื่อยไปและมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทางด้านธุรกิจก็เช่นเดียวกัน วันนี้ทางเวปไซต์ BaanThai ก็จะพาท่านผู้อ่านไปพบกับธุรกิจใหม่ ที่กำลังจะเข้ามาเติบโตในประเทศไทยนั่นก็คือ ธุรกิจ Home Sharing เป็นธุรกิจที่ใครหลายคนอาจจะรู้จักกันดี เป็นธุรกิจที่กำลังเข้ามาทำการตลาดและชิงส่วนแบ่งการตลาดของโรงแรมในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างภูเก็ตและเชียงใหม่เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น Airbnb ก็เป็นธุรกิจ Home Sharing ที่ใคร ๆ ก็รู้จักอย่างแพร่หลาย วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ Airbnb กันดีกว่านะคะ

เนื่องจากคนสมัยใหม่จะมีพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป ชอบความสะดวกสบาย ราคาถูกแต่มากไปด้วยความหรูหรา และมีคุณภาพ จึงทำให้โอกาสที่ธุรกิจ Home Sharing จะเข้ามาแทนที่ธุรกิจโรงแรมนั้น ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียว

Airbnb ก็เป็นธุรกิจ Home Sharing
Airbnb ก็เป็นธุรกิจ Home Sharing

5 ปัจจัยเปรียบเทียบ Home Sharing กับธุรกิจโรงแรม

ได้มีการได้วิเคราะห์และสรุป ปัจจัยหลัก ๆ เพื่อเปรียบเทียบ ธุรกิจ Home Sharing กับธุรกิจโรงแรม ได้ดังนี้

1.ดูจากยอดรีวิว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมการใช้บริการห้องพักโรงแรมรูปแบบปกติทั่วไป โดยเฉพาะโรงแรมในเครือที่เป็นที่รู้จักคุ้นเคย ซึ่งสามารถให้ความมั่นใจได้มากกว่าในแง่ของความปลอดภัยและคุณภาพการบริการ และเหตุผลความนิยมของนักท่องเที่ยวที่มีให้กับโรงแรมมากกว่าที่พักของ Airbnb ในไทย ได้แก่ จำนวนยอดรีวิวหรือการติชมจากผู้ใช้บริการห้องพักของโรงแรม

2.พิจารณาตามอัตราค่าบริการ ค่าบริการห้องพักของโรงแรมที่เฉลี่ยแล้วจะมีราคาถูกกว่า ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของโรงแรม คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าการใช้บริการที่พักของ Airbnb น่าจะถูกกว่าการเข้าพักโรงแรม ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องในกรณีของประเทศอื่น ๆ แต่สำหรับประเทศไทย พบว่า การพักโรงแรมจะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า ทำให้โรงแรมในประเทศไทยโดยทั่วไปยังคงมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงกว่าที่พักในกลุ่ม Airbnbโดยเฉลี่ยทั่วไป จากการสำรวจห้องพักโรงแรมในเมืองท่องเที่ยว ทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต มีอัตราค่าบริการต่ำกว่าที่พักของ Airbnb โดยเฉพาะที่ภูเก็ต ห้องพักโรงแรมมีอัตราค่าบริการเฉลี่ยต่ำกว่าที่พักของ Airbnb มากกว่าครึ่ง ส่วนในกรุงเทพฯ ค่าบริการที่พักทั้งสองประเภทไม่แตกต่างกันมากนัก โดย Airbnb จะมีค่าบริการที่พักเฉลี่ยสูงกว่าเล็กน้อย

3.กลุ่มเป้าหมาย ปัจจุบัน Airbnb ในประเทศไทย กำลังเสนอที่พักให้แก่ นักท่องเที่ยว โดยที่พักในกลุ่มของ Airbnb มีตั้งแต่ อพาร์ทเม้นท์ บังกะโล วิลล่า ไปจนถึงบ้านทั้งหลัง รวมทั้งจับตลาดคนวัยทำงานรุ่นใหม่ที่ชอบแสวงหาประสบการณ์แปลกใหม่ตลอดเวลา และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

4.ชื่อเสียง ปัจจัยด้านชื่อเสียง ไม่ได้มีผลใด ๆ มากนักต่อที่พักในกลุ่ม Airbnb แต่พบว่ามีความสำคัญค่อนข้างมากต่อโรงแรมทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต ทั้งนี้ โดยทั่วไปโรงแรมจะมีการจัดลำดับการให้บริการอยู่ระหว่าง 1-10 คะแนน ซึ่งจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อชื่อเสียงด้านคุณภาพของโรงแรมและความสามารถในการกำหนดอัตราค่าบริการห้องพัก

5.การเดินทาง และสิ่งอำนวยความสะดวก ในส่วนของระยะใกล้-ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยว ระบบขนส่งสาธารณะ และสนามบิน พบว่า ที่พักในกลุ่ม Airbnb และโรงแรมในเชียงใหม่ มีความแตกต่างกันอย่างมากในประเด็นนี้ ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่า โรงแรมและที่พักในกลุ่ม Airbnb ที่เชียงใหม่ จับกลุ่มผู้ใช้บริการที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีที่พักให้บริการครอบคลุมหลายทำเลและกระจัดกระจายมากกว่า เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ และภูเก็ต

Airbnb ในมุมมองระดับอาเซียน

จากการสำรวจเกี่ยวกับธุรกิจ Home Sharing ปรากฎว่าคนอินโดนีเซียและมาเลเซียมีมุมมองที่เป็นบวกต่อธุรกิจ Home Sharing มากที่สุด รองลงมาคือ สิงคโปร์และไทยหากมองในภาพรวมประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างเห็นด้วยกับธุรกิจ Home Sharing คนไทยยังให้ความสนใจน้อย อาจเป็นเพราะธุรกิจนี้ยังไม่แพร่หลายมากนัก ประกอบกับขาดข้อมูลในการเข้าถึง ทำให้ทั้งผู้เช่าและเจ้าของห้องยังไม่สามารถตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจ Home Sharing ได้อย่างเต็มที่

กฎหมายและความเชื่อมั่นรั้งธุรกิจ Home Sharing

จากความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับกฎหมายการให้บริการ เช่าห้องพัก เช่น ในกรณีของการเช่าห้องพักผ่านแอปพลิเคชัน Airbnb ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ ทำให้ธุรกิจนี้ยังไม่โตมากนัก รวมทั้งการให้บริการ Home Sharing ในรูปแบบของแอปพลิเคชัน Airbnb ยังพบว่า มีความเสี่ยงอยู่หลายประการ หากมองในมุมของผู้เข้าพัก หลายครั้งที่ต้องเจอกับปัญหาห้องพักที่จองไม่ได้เป็นไปตามที่โฆษณาไว้ ในขณะที่เจ้าของห้องพักเองก็ต้องเปิดบ้านให้กับคนแปลกหน้าซึ่งเป็นเรื่องเสี่ยงและอันตรายอยู่ไม่น้อย

จับตา Home Sharing โตตามเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค

Home Sharing ในขณะนี้อาจนับได้ว่าเป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มเติบโตในประเทศไทย แต่ไม่อาจประเมินอิทธิพลในอนาคตให้ต่ำเกินไป จากปัจจัยสนับสนุนด้านพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป ชื่นชอบความสะดวกสบายและมักจะเลือกทางเลือกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์มากขึ้น

แม้ Home Sharing จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย ในแง่ของราคา โดยมีการเสนอโปรโมชั่นที่พักราคาพิเศษแก่ผู้ใช้บริการที่สามารถตัดสินใจจองห้องพักได้อย่างรวดเร็ว ในมุมของผู้เป็นเจ้าของแม้จะยังไม่ถูกกฎหมาย แต่หลายคนกลับมองว่าเป็นช่องทางการสร้างรายได้ผ่าน อสังหาริมทรัพย์ ที่ตนเองถือครอง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมใหญ่แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คงจะต้องหันมาพิจารณาธุรกิจนี้อีกครั้งหนึ่งแล้วว่าควรจะมีทิศทางอย่างไร ให้เหมาะสมกับเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปของ Home Sharing ในปัจจุบัน