สิ่งสำคัญในสัญญาเช่าที่ไม่ควรมองข้าม

ปัจจุบันการเช่าคอนโดกลายเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำงานอยู่ในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร เพราะการที่จะเป็นเจ้าของในคอนโดนั้นจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่จึงสามารถเป็นเจ้าของคอนโดนั้นได้ รวมถึงยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย เช่น ค่ากองทุนและค่าส่วนกลาง ที่เจ้าของคอนโดจำเป็นต้องรับผิดชอบ ซึ่งบางคนยังไม่พร้อมที่จะแบกรับภาระนี้ได้ จึงหันมาเช่าคอนโดแทน ยิ่งในปัจจุบัน มีคอนโดมากมายหลายราคาที่สามารถเลือกได้ตามใจชอบและตามงบประมาณที่คุณได้กำหนดไว้ และโดยส่วนใหญ่คนรุ่นใหม่มักชอบอยู่บนโลกส่วนตัว อยู่กับความเรียบง่าย และเน้นในเรื่องของความสะดวกสบาย

แม้ว่าเราได้จ่ายเงินค่าเช่าคอนโดไปแล้ว ท้ายที่สุดเราไม่มีสิทธิทำอะไรตามใจได้เพราะว่าคอนโดนั้นไม่ใช่ของเรา เราจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎของคอนโด ตลอดจนสัญญาเช่าของคอนโดที่ผู้ให้เช่าได้ทำไว้กับผู้เช่าด้วย

พอถึงครบกำหนดสัญญาและต้องออก มักจะมีปัญหาตามมาเพราะบางคนไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดของสัญญาเช่า ดังนั้นก่อนที่เราจะเช่าคอนโด เราจำเป็นต้องพิจารณาสัญญาเช่าเบื้องต้นก่อน เพื่อที่จะได้ที่ทราบถึงสิทธิของตนและปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎระเบียบของการอยู่คอนโด

สัญญาเช่าที่แฮปปี้ทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่า

สัญญาเช่าควรระบุรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1.ระยะเวลาเช่า เป็นสิ่งที่ผู้ให้เช่าต้องคำนึงถึงมากที่สุด โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาเช่าจะอยู่ที่ 1 ปี หรือ 2 ปี ขึ้นอยู่กับการตกลงทั้งสองฝ่ายระหว่างผู้ให้เช่า และผู้เช่าคอนโด

2.จำนวนผู้อยู่อาศัย การกำหนดผู้อยู่อาศัยนั้น กำหนดขึ้นมาเพื่อไม่ให้แออัดมากเกินไป โดยปกติแล้วจะระบุจำนวน 2 – 3 คน

สัญญาเช่าที่แฮปปี้ทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่า

3.ข้อกำหนดเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ข้อกำหนดในการห้ามนำสัตว์เลี้ยงอยู่ในคอนโดนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายของทรัพย์สินในคอนโด อย่างไรก็ตามในสัญญาเช่าอาจจะอนุญาตนำสัตว์เลี้ยงบางประเภทได้ เช่น แมว เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ให้เช่านั่นเอง

4.กำหนดสิ้นสุดสัญญาเช่า ผู้ให้เช่ากำหนดสัญญา ว่าผู้เช่าสามารถเช่าคอนโดได้นานแค่ไหน และในกรณีที่จะยกเลิกเช่าคอนโดนั้น ผู้ให้เช่าจำเป็นต้องแจ้งกับผู้เช่าล่วงหน้ากว่าระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้

5.กำหนดระยะเวลาย้ายออก เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่าและถึงกำหนดต้องย้ายออก แต่ผู้เช่ายังไม่ย้ายออกหรือขนย้ายสิ่งของยังไม่เสร็จเรียบร้อย ผู้ให้เช่าสามารถปรับค่าเสียเวลาได้ แต่ต้องระบุในสัญญาให้ชัดเจน

6.กำหนดช่วงเวลาจ่ายค่าเช่า ผู้ให้เช่าต้องมีการระบุช่วงเวลาจ่ายค่าเช่าให้ชัดเจน ว่าควรจ่ายตอนไหน วันที่เท่าไร หรือหากเกิดการจ่ายที่ล่าช้าจะมีการปรับเกิดขึ้นทันที

สัญญาเช่าที่แฮปปี้ทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่า

7.ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับ “ค่ามัดจำ” โดยทั่วไปแล้วในสัญญาเช่าจะระบุรายละเอียดเกี่ยวกับค่ามัดจำ ซึ่งจะมีระยะเวลา 2 เดือน หรือ 1 เดือน ดังนั้น เราจำเป็นต้องพิจารณาดูรายละเอียดว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไร และหลักการจ่ายคืนเงินมัดจำเป็นอย่างไร ตลอดจนวันที่รับเงินประกันคืนอีกด้วย

8.กำหนดผู้จ่ายค่าส่วนกลางและค่าใช้จ่ายอื่นๆให้ชัดเจน ผู้ให้เช่าต้องระบุให้ชัดเจนว่าฝ่ายใดต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าส่วนกลาง ค่าบำรุงคอนโด หรือค่าบำรุงซ่อมแซมสิ่งชำรุดต่างๆ เป็นต้น

9.การยึดทรัพย์สินของผู้เช่า ในกรณีที่ผู้เช่าผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า หรือกรณีที่ผู้เช่าเกิดทำความเสียหาย โดยในสัญญาข้อนี้ต้องระบุให้ละเอียดชัดเจน

10.บันทึกรายการทรัพย์สินที่เสียหาย หลังจากที่ผู้เช่า และผู้ให้เช่าตกลงทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว ผู้เช่าจำเป็นต้องตรวจสอบทรัพย์สินภายในคอนโดก่อนเข้าอยู่อาศัย และตรวจสอบว่าทรัพย์สินส่วนไหนชำรุด หรือมีรอยแตก ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใดที่ต้องซ่อมแซมและแจ้งให้กับผู้ให้เช่าได้รับทราบเพื่อซ่อมแซมก่อนเข้าไปอยู่อาศัยในคอนโดนั้น หากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ผู้เช่าสามารถลงนามในสัญญาเช่าได้เลย

สัญญาเช่าที่แฮปปี้ทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่า

สุดท้ายนี้ ทางเว็บไซต์ FazWaz ขอเสนอข้อควรระวังในการทำสัญญาเช่าคอนโด คือ ผู้เช่าไม่ควรยึดคำพูดของผู้ให้เช่า และข้อตกลงทุกอย่างต้องเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น เช่น หากได้รับการอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาพักอาศัยอยู่ด้วย จำเป็นต้องระบุในสัญญาหรือแก้ไขสัญญาให้ชัดเจน