3 วัสดุตกแต่งบ้านสุดฮิตพร้อมวิธีดูแล ไม้ เหล็ก ผ้า
3 วัสดุตกแต่งบ้านสุดฮิตพร้อมวิธีดูแล ไม้ เหล็ก ผ้า

8 ข้อการเลือกโซฟาแต่งห้องสวยเป๊ะปัง

หลังจากที่เราซื้อบ้าน หรือคอนโดมิเนียมแล้วนั้น ต่อมาก็คงจะมีไอเดียปิ้งขึ้นมาอยากที่จะแต่งห้อง โดยเฉพาะอยากเปลี่ยนโซฟาให้เป็นโซฟาตัวโปรด และในการจะเลือกซื้อโซฟาสักตัวนั้นเราจะต้องดูอะไรบ้าง เลือกสีอะไรดี เลือกอย่างไรให้เหมาะกับห้องนั่งเล่น เรามาดู 8 หัวข้อสำหรับการเลือกแบบโซฟาง่าย ๆ ให้เหมาะสำหรับตกแต่งห้องนั่งเล่นกันค่ะ

โซฟาเป็นไอเทมเด็ดประจำห้องนั่งเล่น ฉะนั้นการเลือกซื้อโซฟาแต่ละครั้ง จึงต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ หลายคนสงสัยใช่ไหมล่ะคะว่าวิธีเลือกโซฟาที่ดีเป็นอย่างไร วิธีซื้อโซฟาต้องพิจารณาอะไรบ้าง วันนี้เวปไซต์ BaanThai ได้รวบรวมเคล็ดลับในการเลือกโซฟาแต่งห้องนั่งเล่นมาฝากกันนะคะ

8 ข้อการเลือกโซฟาแต่งห้องสวยเป๊ะปัง

1. ทำการวัดพื้นที่และกำหนดขนาดก่อนซื้อ

การเลือกซื้อโซฟาทุกครั้งควรที่จะมีการวัดพื้นที่ ความยาว ความลึกและความสูงให้ชัดเจนเพื่อสะดวกในการเลือกขนาดของโซฟา อีกสิ่งที่สำคัญและลืมไม่ได้นั่นก็คือ การเช็กขนาดของประตูบ้าน หรือทางเดินทางเราจะต้องทำการขนย้ายโซฟาเข้ามาในบ้าน

2. ควรเลือกประเภทของโซฟาให้เหมาะสมกับการใช้งาน

เราควรจะเลือกแบบหรือประเภทของโซฟาให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละห้อง อย่างเช่น มีจำนวจที่นั่งที่พอดีกับสมาชิกในบ้าน มีขนาดที่เข้ากันกับพื้นที่ห้อง และประเภทของโซฟาที่นิยมเลือกใช้ ก็จะมีดังนี้ค่ะ

– แบบโซฟาเบด Sofa Bed : เป็นโซฟาที่สามารถนั่งชิลได้ ปรับนอนได้ รูปทรงเรียบง่าย สวยงาม เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัดอย่างเช่นคอนโด และยังเหมาะสำหรับใครที่มักจะมีเพื่อนมานอนบ้านด้วยกันบ่อย ๆ เพราะสามารถปรับเป็นที่นอนได้อย่างสบายค่ะ

– แบบโซฟา 2 ที่นั่ง : โซฟาที่ออกแบบมาเพื่อให้คน 2 คนนั่งได้อย่างสบาย ฉะนั้นจึงเหมาะกับคู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก หรือคนที่ไม่ค่อยมีแขกมาบ้าน

– แบบโซฟา 3 ที่นั่ง : โซฟาที่ออกแบบมาเพื่อให้คน 3 คนนั่งได้อย่างสบาย ขนาดกว้างขวางกำลังดี แถมยังสามารถนอนเล่นได้ จึงได้รับความนิยมมากที่สุด แต่จะเหมาะกับห้องที่มีพื้นที่มากพอสมควร

แบบโซฟาเบด Sofa Bed

3. สไตล์ของโซฟาก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

สไตล์ของโซฟานั้นก็มีความสำคัญซึ่งจะมีลักษณะและจุดเด่นแตกต่างกันออกไป เช่น

– คลาสสิกดั้งเดิม (Classic Traditional) : โซฟาสไตล์นี้จะเน้นความเรียบง่าย น่ามอง ไม่ธรรมดา และไม่หรูหราจนเกินไป เหมาะกับคนทุกยุค ทุกเพศ ทุกวัย จึงนิยมใช้ในบ้านที่มีสมาชิกจำนวนมาก หรือบ้านที่ต้องการความสงบและอบอุ่น

– ยุคกลาง (Mid Century) : โซฟาสไตล์นี้เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและการใช้งาน จึงมีรูปทรงที่เรียบง่าย แต่สีสันสวยงามสะดุดตา เหมาะกับคนที่อยากให้ห้องนั่งเล่นสดชื่นและมีชีวิตชีวา

– ร่วมสมัย (Contemporary) : โซฟาสไตล์นี้จะค่อนข้างเรียบง่าย ทั้งดีไซน์และโทนสีเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ห้องนั่งเล่นอบอุ่น ผ่อนคลาย และน่านั่งพักผ่อน

– อินดัสเทรียล (Industrial) : โซฟาสไตล์นี้ค่อนข้างโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ส่วนใหญ่ทำมาจากไม้และโลหะ อีกทั้งยังมีโทนสีที่เป็นกลางหรือเป็นธรรมชาติเหมือนกันกับโซฟาสไตล์ร่วมสมัย

– สแกนดิเนเวียน (Scandinavian) : โซฟาสไตล์นี้มักจะมาพร้อมกับการออกแบบที่เรียบคลีนและขาไม้สีธรรมชาติ จุดเด่นอยู่ที่ความสวยงาม แข็งแรง แถมยังให้ความรู้สึกพอดี ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป สามารถนำไปแต่งบ้านได้หลากหลาย แต่จะดูสดใสมากขึ้น ถ้าอยู่ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์ที่มีโทนสีสว่าง

– กลางแจ้ง (Outdoor) : โซฟาสไตล์นี้เหมาะจะตั้งไว้นอกบ้าน ส่วนใหญ่ทำจากวัสดุที่มีคุณภาพสูงและทนต่อทุกสภาพอากาศ จึงค่อนข้างแข็งแรง ทนทาน และใช้งานได้นานเป็นพิเศษ

มองหาวัสดุหุ้มโซฟาที่สวยงามตรงใจ

4. มองหาวัสดุหุ้มโซฟาที่สวยงามตรงใจ

แน่นอนว่าทุกวันนี้มีวัสดุหุ้มโซฟาให้เลือกมากมาย ซึ่งแต่ละชนิดก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ฉะนั้นต้องพิจารณาให้รอบคอบ พร้อมทั้งเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง ดังนี้

– โซฟาผ้า : เป็นโซฟาที่คลาสสิกที่สุด ใช้ได้ทุกยุค ทุกสมัย พื้นผิวค่อนข้างนุ่มและเนียน ที่สำคัญเข้าได้กับทุกสไตล์ และทำความสะอาดได้ง่าย จึงเหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก สัตว์เลี้ยง หรือบ้านที่เน้นเฟอร์นิเจอร์แนวธรรมชาติเป็นพิเศษ

– โซฟากำมะหยี่ : เป็นโซฟาที่ให้ความรู้สึกหรูหรา อลังการ พื้นผิวค่อนข้างเนียนเรียบ น่าสัมผัส ส่วนจุดเด่นอยู่ที่เฉดสี ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ฉูดฉาดไปจนถึงธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถทนต่อรอยคราบได้พอสมควรด้วย

– โซฟาหนัง : เป็นโซฟาที่แข็งแรง ทนทาน จึงเหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยง แต่สามารถเกิดรอยได้ง่าย จึงต้องระวังเรื่องการขีดข่วน อย่างไรก็ตามโซฟาชนิดนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ เพราะไม่เก็บขน ผม และฝุ่น ทว่าจะทำความสะอาดยาก และต้องดูแลรักษามากเป็นพิเศษ

5. พิจารณาสีให้เหมาะกับห้อง

สีของโซฟาก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา โดยจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ สีโทนกลาง ที่จะช่วยให้ห้องนั่งเล่นรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ต้องการพักผ่อน กับสีฉูดฉาด ที่จะช่วยให้ห้องนั่งเล่นโดดเด่น สะดุดตา รู้สึกสดชื่น สดใส ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ชอบความกระปรี้กระเปร่า

6. ใส่ใจกับโครงสร้างภายในเป็นพิเศษ

หลังจากเลือกลักษณะภายนอกได้สวยงามตรงใจแล้ว ก็อย่าลืมใส่ใจกับโครงสร้างภายในด้วย เพราะการซื้อโซฟาที่โครงสร้างแข็งแรง ทนทาน และมีประสิทธิภาพ จะทำให้โซฟาอยู่กับเราได้นานขึ้นและคุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่เสียไป โดยโซฟาที่ทำจากโครงสร้างไม้ก็ยืนหนึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ต้องอย่าลืมเช็กประเภทของไม้ ส่วนประกอบอื่น ๆ รวมไปถึงประกันหลังการขายด้วย เพราะแม้โซฟาบางรุ่นจะมีราคาสูงกว่าแบบอื่น ๆ แต่หากมีประกันให้ตลอดอายุการใช้งานก็ถือว่าคุ้มมากทีเดียว

8 ข้อการเลือกโซฟาแต่งห้องสวยเป๊ะปัง

7. เลือกเบาะให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

ไม่ใช่แค่โครงสร้างภายในเท่านั้น แต่วัสดุที่ใส่ในเบาะก็ต้องดีด้วย โดยเบาะที่ทำจากขนเป็ดหรือขนห่านจะให้ความสบาย แต่ต้องคอยตีให้ฟูอยู่ตลอด ส่วนเบาะที่ทำจากโฟมหรือเส้นใยก็จะแข็งแรง ควรเลือกแบบโซฟาที่ใช้ทั้งขนเป็ดและโฟมผสมกัน เพราะขนนกจะช่วยให้เบาะนุ่ม ส่วนโฟมจะช่วยให้เบาอยู่ทรง ตัวอย่างเช่น โซฟาที่เบาะพนักพิงทำจากขนนก ส่วนเบาะนั่งทำจากโฟมหรือเส้นใยนั่นเอง

8. ลองใช้งานก่อนซื้อทุกครั้ง

ทั้งนี้โซฟาส่วนใหญ่จะมีความลึกของเบาะนั่งประมาณ 60 เซนติเมตร ส่วนความสูงประมาณ 45-50 เซนติเมตร ฉะนั้นเพื่อให้ได้โซฟาที่รองรับสรีระของคนในครอบครัวอย่างดีที่สุด ควรเช็กทั้งความกว้าง ความสูง ความลึก และความยาวของโซฟาให้ละเอียด และที่สำคัญควรให้สมาชิกในบ้านลองนั่ง และลองใช้งานให้ครบด้วย