ปัจจุบัน วิถีชีวิตการอยู่อาศัยของคนเมืองสมัยใหม่ได้มีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปเรื่อย ๆ อย่างที่เห็นได้ชัดคือ ผู้คนส่วนใหญ่จะเน้นการอยู่อาศัยที่สามารถอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตในปัจจุบันของตนเองได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งทำงาน หรือใกล้กับระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT ก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นเหตุผลหลักให้คนสมัยใหม่เลือกที่อยู่อาศัย นั่นคือ “ระบบบ้านอัจฉริยะ” หรือที่เรียกกันอย่างคุ้นหูคือ “Home Automation” นั่นเอง
Home Automation เป็นระบบเทคโนโลยีที่ควบคุมการสั่งงานได้อย่างหลากหลายและเป็นระบบที่สามารถอำนวยความสะดวกให้การอยู่อาศัยง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ก็สามารถควบคุมการใช้งานอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่อยู่ภายในห้องพักอาศัยได้ตามที่ต้องการ ซึ่งองค์ประกอบของระบบ Home Automation สามารถแบ่งความซับซ้อนได้ ดังต่อไปนี้
- ระบบควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า เป็นต้น
- ระบบควบคุมความบันเทิง ได้แก่ โทรศัพท์, เครื่องเล่น DVD หรือ Internet Radio เป็นต้น
- ระบบควบคุมเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ หรือปรับระดับความสว่างได้ตามต้องการ
- ระบบควบคุมอุปกรณ์และรักษาความปลอดภัย ได้แก่ กล้องวงจรปิด เป็นต้น
- ระบบควบคุมและแสดงผลอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าภายในที่อยู่อาศัย
นอกจากนี้ ระบบ Home Automation ยังมีระบบใช้งานประมวลผลในการสั่งงาน ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
- ระบบส่วนกลาง (Control Center) ที่เป็นตัวกระจายสัญญาณไปยังอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ตลอดจนอุปกรณ์อื่น ๆ ภายในที่อยู่อาศัย
- อุปกรณ์ตรวจจับสถานะ (Sensors) คือ อุปกรณ์ที่ตรวจจับรูปแบบต่าง ๆ เช่น ความเคลื่อนไหว ความร้อน รวมถึงการสั่นสะเทือน เป็นต้น
- ตัวเชื่อมสัญญาณ (Actuators) เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมสัญญาณเข้ากับระบบการใช้งานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สวิตซ์ไฟ หรือมอเตอร์ควบคุมอุปกรณ์ชนิดนั้น ๆ เป็นต้น
- อุปกรณ์ควบคุม (Controlling Devices) เป็นอุปกรณ์ที่ควบคุมไม่ได้จำกัดเพียงแผงควบคุมไฟฟ้า หรือใช้เป็นรีโมทคอนโทรลเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อสัญญาณการทำงานในลักษณะ Web Browsers และ Internet เป็นต้น
นอกเหนือจากระบบสั่งงานดังกล่าวแล้ว ระบบ Home Automation ยังสามารถเชื่อมโยงกับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยได้ในหลากหลายรูปแบบอีกด้วย จะมีอะไรบ้างนั้นแอดมินจะพาทุกคนไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ควบคุมระบบ Home Automation ผ่านอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ
ระบบ Home Automation สามารถควบคุมการใช้งานต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงไปกับอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น Smart Phone, Tablet หรือแม้แต่ Smart Watch ก็ตาม โดยสามารถเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายของ Internet, Wireless และ Bluetooth เป็นต้น ซึ่งทำให้สามารถควบคุมและสั่งงานผ่าน Application ได้ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ควบคุมระบบ Home Automation สั่งงานด้วยการสัมผัส
เป็นระบบที่สามารถสั่งงานได้ด้วยการสัมผัสโดยการสแกนลายนิ้วมือ ผู้ใช้งานต้องสแกนลายนิ้วมือของตนเองลงบนอุปกรณ์ก่อน ก่อนที่แผงควบคุมจะทำการจดจำลายนิ้วมือของผู้ใช้งานในแต่ละบุคคลได้ เช่น ระบบล็อคประตูอัตโนมัติ เป็นต้น ข้อดีของการควบคุมระบบ Home Automation คือ ในหนึ่งอุปกรณ์สามารถจดจำลายนิ้วมือได้มากกว่า 1,000 ลายนิ้วมือและนับว่าเป็นระบบการควบคุมที่มีความปลอดภัยสูงอีกด้วย
ควบคุมระบบ Home Automation สั่งงานด้วยเสียง
ระบบการควบคุมและสั่งงานด้วยเสียง นับว่าเป็นระบบที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่หลากหลายได้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป หรือกลุ่มผู้พิการทางสายตาและทางร่างกาย เป็นต้น ซึ่งตัวระบบนี้จะทำหน้าที่ในการประมวลผลในเรื่องของเสียง ภาษา สำเนียง ตลอดจนถึงคลื่นความถี่ ทำให้ระบบการควบคุมนี้ทำหน้าที่ในเรื่องของการสืบค้นข้อมูลและรักษาความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
ควบคุมระบบ Home Automation ผ่านระบบคีย์การ์ด
ระบบควบคุมการสั่งงานผ่านคีย์การ์ด หรือ Key Card Access นับว่าเป็นระบบที่ถูกใช้งานได้อย่างแพร่หลาย เนื่องจากว่าเป็นระบบที่ไม่มีความซับซ้อนอะไรมาก เพราะใช้แผงวงจรเชื่อมต่อเพียง 2 ตัวเท่านั้น ได้แก่ คีย์การ์ดและอุปกรณ์ ซึ่งทั้งสองแผงวงจรนี้ จะทำหน้าที่ที่ถูกกำหนดค่าสัญญาณและรหัสที่เหมือนกัน
ควบคุมระบบ Home Automation ด้วยการสแกนใบหน้า
ระบบควบคุมนี้ มีรูปแบบการทำงานที่คล้ายกับระบบการสแกนลายนิ้วมือ แต่นับว่ามีระบบการประมวลผลที่ซับซ้อนมากกว่าหลายเท่าตัว เพราะต้องมีการจดจำและแยกแยะอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคล ซึ่งระบบสแกนใบหน้าจะนิยมใช้เพื่อป้องกันความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต, ตลอดจนประตูห้องที่ใช้ระบบ Digital Door Lock เชื่อมต่อกับระบบ Home Automation เพราะจะช่วยในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับระบบอื่น เป็นต้น
ปัจจุบัน ระบบการควบคุม Home Automation ได้ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อพาร์ทเม้นต์ ตลอดจนคอนโดต่าง ๆ ที่เลือกใช้ระบบดังกล่าวในการรักษาความปลอดภัยจากเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการมีความมั่นใจและสบายใจในเรื่องของความปลอดภัยทั้งตนเองและทรัพย์สิน ซึ่งนับว่าเป็นระบบควบคุมที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นตัวแปรสำคัญ ที่สามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
