หลายคนที่กำลังมองหาซื้อคอนโด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือการลงทุนก็ตาม เราไม่ควรพลาดที่จะต้องรู้เรื่อง Leasehold & Freehold ซึ่งบางคนก็ทราบมาบ้างแล้วว่าอะไรคือ Leasehold & Freehold แต่ยังไม่เข้าใจอย่างละเอียดถี่ถ้วน และอีกหลายคนที่ยังไม่รู้เลยว่าคืออะไร มีข้อแตกต่าง ข้อดี และข้อเสียอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม บทความนี้จะเสนอว่า Leasehold & Freehold คืออะไร
ทำความรู้จักเกี่ยวกับ Leasehold & Freehold
Leasehold: การซื้อคอนโดแบบ Leasehold คือ ซื้อคอนโดในรูปแบบเช่าระยะยาว และเจ้าของไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นๆได้ เนื่องจากเป็นโครงการที่สร้างบนที่ดินเช่า หากซื้อคอนโดในรูปแบบนี้แล้ว และหมดสัญญา เจ้าของจำเป็นต้องคืนสิทธิ์ทันที หรือไม่ต้องต่อสัญญาอีก โดยที่กฎหมายในประเทศไทยจะให้สิทธิ์ในการเช่าในรูปแบบของ Leasehold นั้น เป็นเวลา 30 ปี
Freehold: การซื้อคอนโดแบบ Freehold นั้นเจ้าของสามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์นั้นได้ นอกจากนี้ ยังสามารถทำขาย และโอนสิทธิ์ให้กับผู้ซื้อคอนโดนั้นได้
กลุ่มผู้ซื้อคอนโดในแต่ละแบบ (Leasehold & Freehold)
Leasehold: โดยส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มลูกค้าที่ซื้อคอนโดในแบบ Leasehold นั้นส่วนใหญ่จะเป็นทั้งชาวต่างชาติ และชาวไทย หรือเป็นผู้ที่มีกำลังทรัพย์มากพอ คอนโดแบบ Leasehold นี้ ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในใจกลางเมืองที่อำนวยความสะดวกต่างๆ ส่วนชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นขาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ฯลฯ จะเป็นนักธุรกิจที่ซื้อคอนโดเพื่อการลงทุน และบางคนซื้อมาเพื่ออยู่อาศัย เพื่อเป็นบ้านหลังที่สองของพวกเขา ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมในรูปแบบนี้มีราคาถูกกว่า และตามกฎหมายไทยแล้วชาวต่างชาติสามารถซื้อได้ในจำนวนไม่จำกัด ซึ่งต่างไปจากคอนโดแบบ Freehold
Freehold: กลุ่มผู้ซื้อคอนโดประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สามารถถือสิทธิ์หรือเป็นเจ้าของอย่างชัดเจนได้ เพื่อผลประโยชน์จากสิทธิ์ของคอนโดนั้นอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การซื้อคอนโดในรูปแบบนี้จะมีข้อจำกัดสำหรับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ เนื่องจากชาวต่างชาติสามารถถือสิทธิ์ได้แค่ 49 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนยูนิตเท่านั้น
ข้อดี และข้อเสียของการซื้อคอนโด 2 ประเภทนี้
Leasehold:
- ราคาถูกกว่าคอนโด Freehold ประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์
- ทำเลดี ส่วนใหญ่แล้ว คอนโดประเภทนี้จะตั้งอยู่ในใจกลางเมือง หรือย่านธุรกิจ
- ชาวต่างชาติสามารถถือสิทธิ์ได้ในจำนวนไม่จำกัด
- เจ้าของจะไม่ได้หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ และไม่สามารถจดทะเบียนอาคารชุดได้เช่นกัน
Freehold:
- มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดินนั้นๆ มีแนวโน้มมีมูคล่าเพิ่มขึ้นในอนาคตข้างหน้า
- เมื่อเจ้าซื้อคอนโดในรูปแบบนี้ เจ้าของมีสิทธิ์ได้หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช.2) ที่ออกโดยกรมที่ดิน
- ชาวต่างชาติสามารถถือกรรมสิทธิ์ในห้เองชุดได้แค่เพียง 49 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
- ไม่มีความมั่นคง 100 เปอร์เซ็นต์ หากเจ้าคอนโดไม่ดูแลตัวอาคาร และเกิดปัญหาอาคารเก่า และเสื่อมขึ้นมา ทำให้ราคาของห้องชุดนั้นๆขายต่อไม่ได้
กองทุน และกำไรผลตอบแทน เมื่อซื้อคอนโดแบบ Leasehold & Freehold
สำหรับผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือคอนโดเพื่อการลงทุนกับโครงการ ทางโครงการมีโปรแกรมตอบแทนมูลค่าเพิ่มจากการขายอสังหาริมทรัพย์ หรือเป็นเงินปันผลของคอนโดนั้น ทั้งนี้ กำไรผลตอบแทนของคอนโดสองประเภทนี้ ให้กำไรที่แตกต่าง ตามรายละเอียด ดังต่อไปนี้
Leasehold:
เจ้าของที่ถือกรรมสิทธิ์คอนโดในรูปแบบ จะได้กำไรผลตอบแทนจนถึงอายุสัญญาเช่าได้หมดไป และจะได้กำไรผลตอบแทนในช่วงระยะเวลาตามสัญญาเท่านั้น นอกจากนี้ ยังจะได้รับกำไรผลตอบแทนที่ลดลงเรื่อยๆตามระยะเวลาอายุเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ
Freehold:
เจ้าของที่ซื้อและถือกรรมสิทธิ์ในคอนโดรูปแบบ จะได้หนังสือกรรมสิทธิ์ เป็นที่กรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช.2) ที่ออกโดยกรมที่ดิน และหากเมื่อไรที่เจ้าของต้องการขายอสังหาริมทรัพย์นั้น มารถเพิ่มมูลค่าและขายได้ตามปกติ เนื่องจากคอนโดประเภทนี้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งนั้นเอง