ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตกแต่งภายในสไตล์วินเทจนั้นได้รับความนิยมสูงสุดอย่างต่อเนื่องตลอดในระยะเวลาหลายปี ไม่เพียงแค่ในอุตสาหกรรมที่พักหรือการตกแต่งภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงร้านอาหารและร้านกาแฟอีกด้วย ซึ่งความนิยมของเก่านั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น รถยนต์ งานศิลปะหรือเหล้าและไวน์ก็ตาม หลายคนเองก็อาจจะยังไม่ทราบความหมายที่ชัดเจนของคำว่า วินเทจ (Vintage) ที่จริงแล้วมีความหมายว่าอย่างไร ของเก่าที่มีอยู่ในมือต้องมีอายุสักเท่าไรถึงจะเรียกว่าเป็นของวินเทจ และแท้จริงแล้วคำว่า วินเทจ แอนทีค และเรโทร ต่างกันอย่างไร วันนี้ทางเว็บไซต์ Fazwaz.co.th มีคำตอบที่ชัดเจนมาให้ทุกคนได้ทราบกันค่ะ
วินเทจ (Vintage) หมายถึง ของที่มีอายุมากกว่า 20 ปี แต่ไม่เก่าไปถึงปี ค.ศ. 1920 เช่น ตอนนี้ในปี 2020 ของวินเทจก็หมายถึงของสะสมที่อยู่ในช่วงปี ค.ศ.1921-1999 ซึ่งถ้าเป็นของเก่าที่มีอายุมากเกินกว่านั้นจะเรียกว่า แอนทีค (Antique) หรือ วัตถุโบราณ
และแท้จริงแล้วคำว่า เรโทร ที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นของเก่าเหมือนกัน แต่จริง ๆ คำว่า เรโทร (Retro) ย่อมาจาก Retrospective ซึ่งแปลว่า ย้อนยุค หมายถึง ของที่ทำขึ้นมาใหม่และได้รับแรงบันดาลใจมาจากดีไซน์หรือรูปแบบดั้งเดิมจากของวินเทจ ดังนั้นจึงเรียกว่า เรโทร
เพื่อให้เราเข้าใจแนวคิดการตกแต่งภายสไตล์วินเทจอย่างถ่องแท้ ในบทความนี้เราจึงมุ่งเน้นประวัติความเป็นมาของกระแสนิยมการตกแต่งบ้านในสไตล์วินเทจ ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้กันทั่วไปและเป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ดังนั้น วินเทจจึงหมายถึง สิ่งที่เก่าและมีความคุ้มค่า และคำว่า วินเทจ ไม่เพียงแต่จะใช้ในการตกแต่งภายในเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงในเรื่องแฟชั่น ที่เรียกว่า แฟชั่นวินเทจอีกด้วย
การตกแต่งภายในสไตล์วินเทจได้กลายเป็นที่นิยมเมื่อใด
หากเรามองย้อนกลับไปที่แฟชั่นการตกแต่งภายในแบบวินเทจ ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน ที่ร้านอาหารบนถนนแห่งหนึ่งที่เรียกว่าเขตแพคเนื้อ (Meat Packing District) ในเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เดิมทีในย่าน Meat Packing มีโรงงานหลายแห่งได้ปิดตัวลงจนถึงกลางทศวรรษ 1990 เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ แต่ในทางกลับกันก็ได้มีเชฟชื่อดังได้มาเปิดร้านอาหารที่นี่ ทำให้สถานการณ์กลับพลิกผัน พวกเขาซื้อโรงงานร้างและยังคงรูปแบบภายนอกไว้ แต่กลับลงทุนเงินจำนวนมหาศาลไปกับการตกแต่งภายใน เพื่อสร้างรูปลักษณ์ของร้านอาหารให้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ และได้นำเอาเฟอร์นิเจอร์โบราณคุณภาพสูง ซึ่งไม่ได้เข้ากับบรรยากาศภายนอกร้านที่โทรม ๆ เลย แต่นำมาเพื่อสร้างบรรยากาศให้เป็นเอกลักษณ์ของการตกแต่งภายในสไตล์วินเทจที่ผสมผสานกันระหว่างแฟชั่นเก่าและความหรูหราได้อย่างลงตัว
ด้วยเหตุนี้เองการตกแต่งภายในสไตล์วินเทจแบบดั้งเดิมจึงไม่ใช่แนวคิดราคาถูก และหากคุณต้องการตึกภายนอกที่เก่ามาก คุณเองต้องมีอาคารที่ผ่านเวลามานานมากพอ พร้อมกับการตกแต่งภายในที่หรูหรา และควรจะใช้ตกแต่งร่วมกับเฟอร์นิเจอร์โบราณ แต่ก็มีราคาที่แพงหูฉี่อีกเช่นเดียวกัน
แนวคิดวินเทจที่ง่ายต่อการนำไปใช้
ตอนนี้ไม่ใช่ยุคของการไล่ตามวินเทจอย่างแท้จริงแล้ว แต่จะตระหนักถึงสไตล์การตกแต่งและความคุ้มค่าด้วย ดังนั้น การตกแต่งสไตล์วินเทจจึงหันมาตกแต่งในแนววินเทจบางส่วนและผสมผสานกับบรรยากาศของแอนทีคเข้าด้วยกัน
แม้ว่าในยุคปัจจุบันนี้โลกทุกอย่างจะมีความทันสมัยไปในทุกด้านแล้ว แต่คุณเองยังสามารถสร้างกลิ่นอายในรูปแบบวินเทจได้จากการตกแต่งของวอลเปเปอร์ เฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา รวมไปถึงลวดลายผ้าม่านและสีทาบ้าน เช่น การทำวอลเปเปอร์ด้านหลังของเตียงให้เป็นแบบไม้หรืออิฐสูง โดยที่ไม่จำเป็นต้องยึดกับสีโทนเข้มหรือสีแดงและน้ำตาล เพื่อสร้างบรรยากาศเก่า ๆ หรือจะให้ดูวินเทจมากขึ้นโดยวางเฟอร์นิเจอร์โบราณสไตล์แอนทีค โคมไฟ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มลงไปและยังสามารถนำของเรโทรเข้ามาเติมแต่งได้บ้าง
ตราบใดก็ตามที่อายุของสิ่งของเหล่านั้นยังมีคุณค่าทางกาลเวลา เสน่ห์ของการแต่งบ้านในสไตล์วินเทจก็ไม่มีทางสูญหายไป สิ่งของแต่ละชิ้นจึงมีเรื่องราวประวัติศาสตร์หรือมีคุณค่าทางจิตใจ เมื่อนำมาแต่งบ้านจะทำให้ห้องหรือสถานที่น่าสนใจและมีเรื่องราวมากขึ้นอีกด้วย สำหรับนักแต่งบ้านในสไตล์วินเทจจะทราบกันดีว่า สิ่งของกว่าจะหาเจอในแต่ละชิ้นต้องใช้เวลาตามหากันเนิ่นนาน เมื่อมีให้ครอบครองแล้ว จะทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจและช่วยให้มีสีสันความทรงจำในวันวานแจ่มใสขึ้นมาได้อีกครั้งนั่นเองค่ะ