เมื่อเราผ่อนบ้านครบ 3 ปี ในระยะสัญญาเงินกู้บ้าน ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยหลังจากนี้ ทนผ่อนต่อไปเรื่อย ๆ จนหมด เราก็จะเสียดอกเบี้ยแพง ๆ ให้กับธนาคาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราเสียประโยชน์โดยไม่สมควรอย่างยิ่ง ดังนั้น ทาง Fazwaz จึงหาวิธีลดดอกเบี้ย โดยมี 2 วิธีคือ การรีเทนชั่น (Retaintion) และ การรีไฟแนนซ์ (Refinance) ซึ่งแต่ละแบบจะมีข้อแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

Retention หรือ Refinance แบบไหนคุ้มกว่ากัน

การลดดอกเบี้ย คือการพูดคุยต่อรอง เพื่อขอลดดอกเบี้ยกับสถาบันการเงินที่กำลังผ่อนอยู่ ซึ่งได้ทั้งการลดดอกเบี้ยบ้าน หรือคอนโด โดยการพิจารณานั้น ทางธนาคารจะตรวจสอบประวัติการผ่อนชำระของผู้กู้ประกอบด้วย  การลดดอกเบี้ยนั้น เนื่องจากผู้กู้ต้องทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารเดิม ดังนั้นทำให้ใช้ระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติไม่นานก็ทราบผล โดยธนาคารบางแห่งใช้เวลาพิจารณาแค่ 7 วันทำการเท่านั้น นอกจากนี้ยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมมากนัก ธนาคารบางแห่งอาจคิดเพียงค่าธรรมเนียมสินเชื่อ 1% ของวงเงินกู้เท่านั้น 

ข้อดี-เราไม่ต้องเสียเวลาไปรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ แค่ไปปรึกษาพูดคุยต่อรองกับธนาคารเก่า เพื่อจะขอลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน

Retention หรือ Refinance แบบไหนคุ้มกว่ากัน

รีไฟแนนซ์คือ การขอสินเชื่อก้อนใหม่จากสถาบันการเงินหรือธนาคารใหม่ก็ได้ เพื่อนำมาทดแทนก้อนเก่า หรืออธิบายง่ายๆ  การกู้เงินก้อนใหม่มาโปะหนี้ก้อนเก่านั่นเอง โดยส่วนใหญ่มักจะใช้กับการผ่อนบ้าน คอนโด หรือรถ เป็นต้น เช่น นายโปลิส อยากรีไฟแนนซ์คอนโด เพราะหมุนเงินมาผ่อนไม่ทัน จึงยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ เพื่อลดอัตราการผ่อนในแต่ละเดือนลง หรือให้เงินที่ผ่อนไปโปะเงินต้นได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยขึ้น

ข้อดี-เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยมักจะถูกกว่าที่ธนาคารเดิมยอมลดดอกเบี้ยให้

Retention หรือ Refinance แบบไหนคุ้มกว่ากัน

Retention และ Refinance แตกต่างกันอย่างไร

การลดดอกเบี้ยนั้น มีความสะดวกสบาย เพราะเป็นการดำเนินธุรกรรมกับธนาคารเดิม ซึ่งมีเอกสารและข้อมูลอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมเอกสารต่าง ๆ มาก โดยเตรียมแค่สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนา และบัตรประชาชนของผู้กู้พร้อมสำเนาเท่านั้น ส่วนระยะเวลาในการพิจารณาก็ไม่นาน เพราะธนาคารมีประวัติการผ่อนชำระอยู่แล้ว นอกจากนี้ การลดดอกเบี้ยยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ารีไฟแนนซ์ด้วย และบางธนาคารก็คิดแค่ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ 1% ของวงเงินกู้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าประวัติการผ่อนชำระไม่ดี ก็อาจขอการลดดอกเบี้ยไม่ผ่านได้ หรือถ้าผ่าน อัตราดอกเบี้ยที่ได้ก็จะน้อยกว่าคนผ่อนที่มีประวัติดี การลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ต่ำกว่าสินเชื่อกู้บ้านใหม่ ถือเป็นจุดดึงดูดลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระดี จากธนาคารอื่นมาเป็นลูกหนี้ของธนาคารใหม่ และเมื่อเทียบกับการขอลดดอกเบี้ยธนาคารเดิมแล้วรีไฟแนนซ์บ้านอาจจะคุ้มกว่า

ตัวอย่างการคำนวณ

เวลาไปขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม ทางธนาคารจะลดให้เล็กน้อยเท่านั้น จากปัจจุบันดอกเบี้ย 7.7% จะลดดอกเบี้ยให้เหลือ 5.5% ทั้งๆ ที่ธนาคารใหม่ที่เราจะรีไฟแนนซ์ ดอกเบี้ย 2.90% โดยพนักงานจะบอกว่าถ้าเรารีไฟแนนซ์ไปธนาคารอื่น เราก็ต้องเสียค่าจดจำนองใหม่ เป็นจุดที่ทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่า งั้นไม่ต้องรีไฟแนนซ์หรอก ลดดอกเบี้ยที่นี่แหละ อย่างน้อยก็ถูกกว่านิดหน่อยก็พอแล้ว หากลองคำนวณเล่น ๆ ดู บ้าน 3,000,000 บาท ปัจจุบันดอกเบี้ย 7.7% ผ่อน 22,000 บ./เดือน ธนาคารเดิมลดให้เหลือ 5.5% ผ่อน 18,000 บ./เดือน รีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ 2.9% ผ่อน 13,500 บ./เดือน ถูกกว่าเดือนละ 4,500 บ./เดือน ค่าใช้จ่าย คือค่าจดจำนอง 1% + อากรแสตมป์ 0.05% = 31,500 บาท แค่ 7 เดือนครึ่งก็คุ้มกว่าแล้ว หลังจากนั้นคือกำไรล้วนๆ เดือนละ 4,500 บาท

 

เป็นยังไงบ้างคะ ได้ความรู้เกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์กับการลดดอกเบี้ยกันไปเยอะเลยใช่ไหมคะ หากผู้อ่านท่านใดสนใจ ควรศึกษาให้เข้าใจครบถ้วน จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาด สุดท้ายนี้หากใครมีคำแนะนำ มาแสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ และสามารถติดตามบทความดี ๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ต่างได้ที่ FazWaz นะคะ