ออมเงินยังไงเพื่อซื้อคอนโดสำหรับชาวฟรีแลนซ์

หลายคนอยากมีคอนโดเป็นของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าจะออมเงินอย่างไรให้อยู่หมัดในขณะที่ค่าครองชีพสูงลิ่วขึ้นเรื่อยๆและมีสิ่งล่อตาล่อใจให้เสียเงินมากมาย ซึ่งการออมเงินให้ได้สักก้อนเพื่อซื้อคอนโดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว ยิ่งคนที่ทำงานเป็นฟรีแลนซ์ด้วยแล้ว การออมเงินเพื่อซื้อคอนโดในฝันก็ยิ่งเหมือนอยู่ห่างไกลกันมาก ดังนั้น วันนี้ BaanThai มีวิธีการออมเงินมาแนะนำให้กับชาวฟรีแลนซ์ที่ต้องการซื้อคอนโดเป็นเจ้าของ ซึ่งหากทำตามนี้แล้ว    แอดมินบอกได้เลยว่าคุณอาจจะเป็นเจ้าของคอนโดในฝันได้ไม่ยากเลย

ออมเงินยังไงเพื่อซื้อคอนโดสำหรับชาวฟรีแลนซ์
1. จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย

การทำรายรับรายจ่าย ถือว่าเป็นเคล็ดลับในการเก็บเงินซื้อบ้านหรือคอนโดได้ ซึ่งวิธีนี้สามารถทำให้เราได้รู้ว่ารายรับที่เข้ามาเท่าไหร่และใช้จ่ายไปกับสิ่งอะไรบ้างในแต่ละเดือน เมื่อเห็นภาพรวมรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ชาวฟรีแลนซ์ก็จะสามารถคำนวณเงินที่สามารถเก็บออมและหาวิธีเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายของตนเอง เพื่อเพิ่มความสามารถในการออมเงินให้มากขึ้น ส่งผลให้โอกาสการกู้เงินเพื่อซื้อคอนโดผ่านก็ยิ่งสูงด้วยเช่นกัน

ออมเงินยังไงเพื่อซื้อคอนโดสำหรับชาวฟรีแลนซ์
2. หักทุกรายได้เข้าบัญชีเงินออม

สืบเนื่องด้วยชาวฟรีแลนซ์มีรายได้เข้ามาไม่สม่ำเสมอ การตั้งเป้าหมายว่าต้องออมเงินเป็นจำนวนหนึ่งต่อเดือนนั้นอาจจะไม่ตอบโจทย์มากนักสำหรับชาวฟรีแลนซ์ แอดมินก็เลยขอนำเสนอวิธีการออมเงินโดยการหักเปอร์เซ็นต์จากรายได้ที่เข้ามาในแต่ละรอบ เช่น หากฟรีแลนซ์มีรายได้จากค่างาน 6,000 บาท ก็หักเป็นเงินออมร้อยละ 10-20 ของรายได้ โดยการหักร้อยละนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการออมของแต่ละคน ซึ่งวิธีนี้ชาวฟรีแลนซ์จะมีเงินออมประมาณ 600-1,200 บาท/เดือน เมื่อรวมทั้งหมดแล้วก็อาจมีเงินออมมากกว่าที่ได้ตั้งเป้าไว้ต่อเดือนด้วยซ้ำ

ออมเงินยังไงเพื่อซื้อคอนโดสำหรับชาวฟรีแลนซ์
3. มองหาวิธีออมเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง

การออมเงินในบัญชีออมทรัพย์เฉยๆ นอกจากจะไม่ได้อะไรกลับมาแล้ว มูลค่าเงินในบัญชีก็ยังค่อยๆลดลงตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นด้วย ดังนั้น การออมเงินฝากกับบัญชีฝากประจำดอกเบี้ยสูง หรือนำไปลงทุนกับกองทุนต่างๆ แต่อย่าลืมว่าทุกการลงทุนนั้นย่อมมีความเสี่ยงเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งชาวฟรีแลนซ์ต้องศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกช่องทางการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง

4. Control ค่าใช้จ่ายด้วยการแยกบัญชีให้ชัดเจน

การที่จะซื้อบ้านและคอนโดโดยการออมเงินอย่างเดียวอาจจะไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก ซึ่งชาวฟรีแลนซ์จำเป็นต้องรู้จักบริหารจัดการเงินอย่างรอบคอบอีกด้วย โดยต้องแยกบัญชีใช้จ่ายกับบัญชีเงินออมออกจากกันเป็นอันดับแรกและกันเงินออมไว้ไม่ให้ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันโดยง่าย ส่วนเงินที่แยกไว้ใช้จ่ายก็ควรใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และไม่ควรตามใจตัวเองมากจนเกินไปเมื่อคิดจะเก็บเงินซื้อคอนโด ไม่เช่นนัั้นเงินออมอาจจะกลายเป็นสิ่งของสนองความอยากของตนเองในที่สุด

ออมเงินยังไงเพื่อซื้อคอนโดสำหรับชาวฟรีแลนซ์
5. หลักฐานทางภาษีคือหัวใจหลัก

เนื่องจากชาวฟรีแลนซ์ไม่มีสลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือนเหมือนคนที่ทำงานประจำ จึงมีสิ่งเดียวที่สามารถแสดงให้ธนาคารเห็นว่าชาวฟรีแลนซ์ก็มีรายได้ นั่นคือ การยื่นภาษี ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยยืนยันว่าฟรีแลนซ์มีรายได้ตลอดทั้งปีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนรายได้อื่นๆที่ไม่ผ่านกระบวนการทางภาษี ธนาคารจะไม่มานับว่าเป็นรายได้ และหลักฐานการยื่นภาษีที่ชาวฟรีแลนซ์จำเป็นต้องยื่นให้กับธนาคารเมื่อต้องการกู้เงินเพื่อซื้อคอนโด มีดังนี้

  • หนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย หรือ 50ทวิ เปรียบเสมือนหนังสือรับรองเงินเดือนของชาวฟรีแลนซ์เลยก็ว่าได้ โดยลูกค้าจะต้องเป็นผู้ออกเอกสารฉบับนี้ให้กับชาวฟรีแลนซ์ตลอดเมื่อมีการจ่ายเงินค่าจ้าง และมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามเงื่อนไขที่ได้ว่าจ้างกันไว้ เช่น หักค่าบริการร้อยละ 3 ของเงินค่าจ้าง เป็นต้น
  • แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90) แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเอกสารที่ผู้มีรายได้ทุกคนต้องยื่นต่อกรมสรรพกรทุกปี โดยชาวฟรีแลนซ์หรือผู้ที่มีรายได้หลายทางต้องใช้ ภ.ง.ด. 90 เพื่อแสดงรายได้ของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้จำนวนเงินต้องสัมพันธ์กับรายได้และภาษีหัก ณ ที่จ่ายจาก 50 ทวิอีกด้วย นอกจากนี้ ภาษีที่ยื่น เราสามารถขอคืนภาษีได้ โดยแสดงรายการค่าใช้จ่ายและเอกสารที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีในการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 เช่น ใบเสร็จรับเงินจ่ายเบี้ยประกัน, เอกสารการซื้อกองทุน LTF, เอกสารการซื้อกองทุน RMF, เอกสารรับรองบุตร, ทะเบียนสมรส เป็นต้น
ออมเงินยังไงเพื่อซื้อคอนโดสำหรับชาวฟรีแลนซ์
6. ให้บัตรเครดิตเพิ่มเครดิตกับตัวเอง

การใช้บัตรเครดิตอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มเครดิตให้กับผู้ถือบัตรได้ และเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ธนาคารสามารถเช็คดูพฤติกรรมการใช้จ่ายและวินัยทางการเงินของผู้ที่ต้องการกู้เงินเพื่อซื้อคอนโดได้ ดังนั้น การใช้บัตรเครดิตควรใช้อย่างระมัดระวัง จ่ายเต็มทุกครั้ง และไม่มีหนี้ผ่อนคงค้างจึงสามารถช่วยให้การกู้ซื้อคอนโดมีโอกาสง่ายกว่าเดิม

7. สำรองเงินเพื่อไม่ให้กระทบกับเงินผ่อน

นอกจากการเดินเงินในบัญชีแล้ว ชาวฟรีแลนซ์ยังต้องมีบัญชีเงินสำรองอีกด้วยเพื่อใช้ทดแทนรายได้ในยามฉุกเฉิน และควรมีเงินสำรองอย่างน้อยๆร้อยละ 5-6 เท่าของรายได้โดยประมาณต่อเดือน ซึ่งวิธีการออมเงินสำรองวิธีนี้จะช่วยให้ธนาคารมั่นใจได้ว่าปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้กู้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการผ่อนคอนโดในอนาคต

แม้ว่าชาวฟรีแลนซ์จะไม่มีรายได้ประจำ แต่ธนาคารก็ไม่เคยห้ามฟรีแลนซ์กู้ซื้อคอนโดหรือบ้านแต่อย่างใด เพียงแค่ว่าให้มีเงินออมที่ดี แสดงที่มาของรายได้อย่างถูกต้อง และมีวินัยการเงิน เพียงเท่านี้ธนาคารก็พร้อมจะอ้าแขนต้อนรับชาวฟรีแลนซ์ด้วยความยินดี และเทคนิคเหล่านี้ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อชาวฟรีแลนซ์เท่านั้น ซึ่งมนุษย์เงินเดือนเองก็ทำได้เช่นกัน