3 วัสดุตกแต่งบ้านสุดฮิตพร้อมวิธีดูแล ไม้ เหล็ก ผ้า

คำว่า“บ้านที่อยู่ได้” อาจขึ้นอยู่กับฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก แต่ “บ้านที่น่าอยู่” นั้นเกี่ยวข้องกับการตกแต่งเป็นสำคัญ โดยเฉพาะกับการเลือกใช้วัสดุ ซึ่งถือเป็นการแสดงตัวตนของเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจน วันนี้ทาง FazWaz จึงได้รวบรวมไอเดียวัสดุตกแต่งบ้านสุดฮิตทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ ไม้ เหล็ก และผ้า เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบและตกแต่งบ้านของคุณให้ “น่าอยู่” และอยู่ด้วยความสุขอย่างแท้จริง

Contemporary ไม้กับความร่วมสมัย
Contemporary ไม้กับความร่วมสมัย

1.Wood ไม้ วัสดุที่ครองใจนักแต่งบ้านมาทุกยุคสมัยคงหนีไม่พ้น “ไม้” เรียกว่าเป็นวัสดุที่ผูกพันกับคนไทยมาแต่โบราณ เมื่อก่อนเราใช้ไม้เพื่อเป็นโครงสร้างหลักของบ้าน ทั้งเสา พื้นไม้ ตง และโครงหลังคา แต่ปัจจุบันไม้ทำหน้าที่หลากหลายกว่านั้น เช่น เป็นวัสดุกรุผิว ทำเฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่ของตกแต่ง ดังนั้น ตอนนี้ไม้จึงไม่ใช่แค่วัสดุ แต่ยังสามารถจำกัดสไตล์เพื่อสะท้อนรสนิยมของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

เมื่อการผสมผสานเกิดเป็นสไตล์เฉพาะตัวและไม้มักกลายเป็นวัสดุสำคัญอยู่บ่อยครั้ง เพราะสามารถหาได้ง่ายในทุกท้องถิ่น เพราะนอกจากความสวยงามของลายเสี้ยนตามธรรมชาติแล้ว สีและผิวสัมผัสของไม้ยังสร้างความอบอุ่นและให้ความรู้สึกถึงคำว่า “บ้าน” ได้มากกว่าวัสดุชนิดอื่น และถึงแม้เราจะพบไม้ในสไตล์ต่าง ๆ แต่การจับคู่วัสดุอื่น ๆ กับไม้นั้นไม่ง่าย ต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้ออกแบบและเจ้าของบ้านในการเลือกใช้ชนิดของไม้และปริมาณให้เหมาะสม จนเกิดเป็นความร่วมสมัยในสไตล์เฉพาะของเจ้าของบ้านขึ้นมา การนำไม้มาใช้ในสไตล์นี้มักจะใช้เป็นทั้งโครง สร้างและเฟอร์นิเจอร์ไปพร้อมกัน

การดูแลรักษา  การดูแลไม้จริงภายในบ้านแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ

  1. ไม้ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของบ้าน เช่น พื้น ผนัง บันได แนะนำให้เคลือบผิวไม้ส่วนนี้ก่อนนำมาใช้งานด้วยน้ำยาเคลือบที่มีส่วนผสมของพอลิยูรีเทน ซึ่งมีคุณสมบัติปกป้องผิวไม้ และยังช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย ด้วยการเช็ดถูด้วยน้ำสะอาดก็เพียงพอ
  2. สำหรับประตูและหน้าต่างโครงสร้างไม้ เราสามารถปกป้องผิวไม้จากความชื้นและแสงแดดได้ด้วยการทาสีน้ำมันหรือสีย้อมไม้ เนื่องจากไม้ในบริเวณนี้จะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จึงทำให้เกิดการยืดหดได้ตลอดเวลา แก้ไขได้โดยขัดสีที่เสียหายออกให้ถึงเนื้อไม้และไสให้เรียบก่อนลงสีใหม่ ควรทาสีย้อมไม้ 2-3 ชั้น โดยแต่ละชั้นควรทิ้งระยะให้แห้งตัวอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการใช้งาน
การตกแต่งด้วยเหล็ก
การตกแต่งด้วยเหล็ก

2. Steel “เหล็ก” เป็นวัสดุที่เรียกว่ามาแรงมากในช่วงหลังนี้ ด้วยคุณสมบัติที่มีทั้งความแข็งแรงและยืดหยุ่นในตัวเองสูง สามารถดัดโค้งและพับขึ้นรูปต่าง ๆ ได้ง่าย จึงมีการนำเหล็กมาใช้ทำทั้งโครงสร้างและโชว์เนื้อวัสดุไปในคราวเดียวกัน เนื่องด้วยวัสดุชนิดนี้มีผิวเรียบ สามารถนำมาทำสีหรือขึ้นเทคนิคต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งอันที่จริงก่อนจะเป็นวัสดุยอดฮิตในบ้านเรา การนำเหล็กมาใช้ในการก่อสร้างนั้นเกิดขึ้นมานานตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่อังกฤษแล้ว จนพัฒนามากลายเป็นสไตล์ลอฟต์ที่พูดกันติดปากกันในปัจจุบัน

การตกแต่งด้วยเหล็กสไตล์ลอฟต์
การตกแต่งด้วยเหล็กสไตล์ลอฟต์

Loft ดิบแบบสัจจะวัสดุ

ไม่ว่าจะไปทางไหนเราจะเจอกับ “สไตล์ลอฟต์” ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ร้านกาแฟ หรือโรงแรม โดยสไตล์นี้เป็นการรวมกันของวัสดุอย่างคอนกรีต ไม้และมีเหล็กเป็นพระเอก เมื่อนำมาจับคู่กับวัสดุใดก็จะทำให้พื้นที่นั้นเท่ขึ้น โดยเหล็กส่วนใหญ่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างและวัสดุตกแต่ง ซึ่งมักนำมาอบสีด้วยสีดำเพื่อป้องกันการเกิดสนิมและคุมธีมให้พื้นที่ดูนิ่งขรึมไปในทางเดียวกับวัสดุชนิดอื่นอย่างเช่น คอนกรีต

Modern เหล็กกับยุคสมัยใหม่

“สไตล์โมเดิร์น” เป็นอีกสไตล์หนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ด้วยความที่สไตล์นี้จะเน้นเส้นสายที่นิ่งเรียบ ดูสบายตา ประกอบกับสเปซเปิดโล่ง มีฟังก์ชันเท่าที่จำเป็น เหล็กจึงกลายเป็นวัสดุโครงสร้างของบ้านสไตล์โมเดิร์นเสียเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากคุณสมบัติที่สามารถยื่นโครงสร้างออกไปได้มาก โดยไม่จำเป็น ต้องมีเสาจำนวนมากมา รองรับ ส่งผลให้สามารถตกแต่งภายในได้อย่างอิสระและปลอดโปร่ง ไม่มีเสาของโครงสร้างมาบดโครงสร้างเหล็ก

Modern เหล็กกับยุคสมัยใหม่
Modern เหล็กกับยุคสมัยใหม่

การดูแลรักษา

ปัญหาที่มักพบเจอในการใช้เหล็กคือเรื่องของสนิม เราสามารถป้องกันการเกิดสนิมได้ดีกว่าการแก้ปัญหาเมื่อเกิดสนิมไปแล้ว นั่นคือการทาสีรองพื้นกันการสนิม และทาสีรองพื้นบนผิวเหล็กที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ทาสีกันสนิมสองชั้น โดยห้ามทาสีในขณะที่ผิวเหล็กมีความร้อน เพราะจะทำให้สีบวมหรือเกิดฟองได้ และอย่าลืมตรวจสอบหลังทา โดยเฉพาะบริเวณฐานเสาและรอยต่อต่าง ๆ ที่สีทารองพื้นอาจเข้าไปได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งบริเวณเหล่านี้มักเป็นจุดที่เกิดสนิมและยากที่จะพบเห็น

3.Fabric ผ้า “ผ้า” เป็นอีกหนึ่งวัสดุทางเลือกที่นำไปใช้ในการตกแต่งบ้านได้อย่างหลากหลาย แม้ว่าวัสดุชนิดนี้จะไม่ได้มีไว้เพื่อรับน้ำหนักโครงสร้างเหมือนไม้หรือเหล็ก แต่ก็ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งในบ้านที่ช่วยลดความแข็งกระด้างจากวัสดุหนัก ๆ ลงไปด้วยเสน่ห์ของผิวสัมผัสในตัวเอง และแพตเทิร์นที่ช่วยสร้างลูกเล่นและความสนุกให้ห้องได้ นอกจากเราจะพบเห็นการนำผ้ามาทำเป็นผ้าม่านแล้ว ผ้ายังกลายเป็นวอลล์เปเปอร์และวัสดุบุผิวเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งล้วนแต่เป็นองค์ประกอบที่ทำให้บ้านเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากขึ้น

การตกแต่งบ้านด้วยผ้า Fabric
การตกแต่งบ้านด้วยผ้า Fabric

Curtain จากจินตการลงสู่ผืนผ้า

วอลล์เปเปอร์ไม่ได้มีส่วนประกอบจากกระดาษเพียงอย่างเดียว เพราะเส้นใยที่นำมาผลิตมีทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย เส้นใยปอ เส้นใยผักตบชวา เส้นใยไผ่ ป่าน และเส้นใยธรรมชาติอีกมากมาย การนำผ้ามาทำวอลล์เปเปอร์ทำให้รอยต่อต่าง ๆ อาจไม่ได้เรียบเนียนเหมือนกระดาษพิมพ์ลาย แต่ในทางกลับกันจะได้ผิวสัมผัสและสีที่ให้ความรู้สึกสมจริงมากกว่า เหมาะสำหรับใช้ในงานสไตล์โอเรียนทัลและทรอปิคัลที่ต้องการดึงลักษณะเด่นของพื้นที่นั้น ๆ มาใช้ในการตกแต่ง

Surface บุผิวเปลี่ยนอารมณ์
Surface บุผิวเปลี่ยนอารมณ์

Surface บุผิวเปลี่ยนอารมณ์

เปลี่ยนอารมณ์ห้องที่นิ่งขรึมด้วยการเลือกผ้าที่มีแพตเทิร์นแปลกตามาบุเฟอร์นิเจอร์เก่า หรืออาจนำผ้าลายเก๋มาทำหมอนอิงใหม่ ซึ่งองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เปลี่ยนไปนี้ช่วยให้ห้องดูมีสีสันขึ้นมาได้ไม่น้อย เทคนิคการเลือกคือ เริ่มจากดูธีมสีรวมของห้องก่อน เช่น หากเป็นสีโทนขรึม ก็เลือกผ้าที่มีแพตเทิร์นมากหน่อย หรือผ้าที่มีสีสันจี๊ดจ๊าดเพื่อดึงให้ห้องสนุกขึ้น หรือหากห้องคุณมีสีสันสดใสอยู่แล้ว ลองเลือกผ้าสีเอิร์ธโทนหรือเข้มไปเลยมาบุชุดเฟอร์นิเจอร์ชุดใหญ่อย่างโซฟา เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์โดดเด่นยิ่งขึ้น

การดูแลรักษา

การดูแลรักษาวัสดุตกแต่งบ้านที่ทำจากผ้าไม่ต่างกับการดูแลเสื้อผ้ามากนัก โดยจำแนกชนิดของผ้าเป็นหลัก อย่างวอลล์เปเปอร์ที่ทำจากสิ่งทอให้ระวังเรื่องเชื้อราและปลวกเป็นพิเศษ หากเปื้อนให้ใช้ทิชชูซับและถูเบาๆ ตามแนวเส้นใย ห้ามใช้ทินเนอร์และน้ำมันสารระเหยเช็ด เพราะจะทำให้สารเคลือบผิวเส้นใยหลุดและส่งผลให้สีซีดจางได้ ส่วนผ้าที่นำมาบุเฟอร์นิเจอร์หากทอจากผ้าไหมก็ให้ถอดและส่งซักแห้งโดยเฉพาะ หรือหากเป็นเส้นใยทั่วก็สามารถซักได้ตามปกติ โดยอย่าลืมกำหนดโปรแกรมให้เป็นแบบซักเส้นใยโดยเฉพาะ