สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ส่งผลกระทบให้ธุรกิจต่าง ๆ ภายในจังหวัดภูเก็ตได้หยุดชะงักลง แม้สถานการณ์จะเริ่มผ่อนคลายไปบ้าง แต่การระบาดของ Covid-19 ในแต่ละระลอกในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ทุกอย่างกลับไม่ฟื้นตัวเข้าสู่สภาวะปกติ ไม่เพียงแต่ธุรกิจการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ตลาดอสังหาฯ ในเมืองท่องเที่ยวเองที่เคยดึงดูดนักลงทุนได้ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมากลับหยุดชะงักด้วยเช่นกัน ภายใต้สถานการณ์ของการปิดเมืองต้านโรคระบาดที่เกิดขึ้นนี้
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมาจังหวัดภูเก็ตได้เป็นจังหวัดนำร่องเปิดเกาะภายใต้เงื่อนไขโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sandbox) นับเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของทุกธุรกิจ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเพื่อท่องเที่ยว และฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสทองของระบบเศรษฐกิจต่าง ๆ ไม่เพียงแต่เป็นความหวังของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศเท่านั้น แต่การเปิดเกาะยังเป็นการเปิดรับการเดินทางของทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนทั่วทุกสารทิศ ซึ่งตั้งเป้ายอดจำนวนนักเดินทางไว้อย่างต่ำ ราว 5.5 แสนคนภายในสิ้นปีนี้
โดยแนวทางของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้นเป็นความร่วมมือกันระหว่างประเทศไทยและประเทศคู่สัญญาที่ได้มีการทำข้อตกลงให้เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยได้โดยไม่ต้องผ่านการกักตัว (Thailand without Quarantine) เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว และพร้อมแสดงผลการตรวจ Covid-19 เป็นลบก่อนการเดินทาง ซึ่งมีการระบุเงื่อนไขให้อยู่ในพื้นที่ภูเก็ตเป็นเวลา 14 วัน ก่อนจะออกเดินทางไปนอกพื้นที่
นอกเหนือจากการท่องเที่ยวแล้ว ภายในจังหวัดภูเก็ตยังมีการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและลงทุนอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งในแวดวงอสังหาริมทรัพย์เองนั้น จังหวัดภูเก็ตมีฉายา “ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้” ที่มีภูมิทัศน์ด้านหน้าติดชายหาด และด้านหลังเป็นภูเขา ดังนั้นการเปิดเกาะในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสครั้งสำคัญในการฟื้นฟูดีมานด์ของนักลงทุนชาวต่างชาติไม่ว่าจะเป็นรายเก่าและรายใหม่ของตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต จากฐานการลงทุนในกลุ่มตลาดคอนโดมิเนียม วิลล่า (บ้านพักตากอากาศ) ให้แก่ชาวจีน, ฮ่องกง, อินเดีย, ออสเตรเลีย และรัสเซีย เป็นต้น
จากการสำรวจพบว่า กลุ่มผู้ซื้อวิลล่าในภูเก็ต โดยส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ และส่วนใหญ่พักอาศัยอยู่ในทวีปเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนจากประเทศจีน, สิงคโปร์, ฮ่องกง นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนจากประเทศรัสเซีย, ตะวันออกกลาง, ยุโรป, ออสเตรเลีย, และนิวซีแลนด์ เป็นต้น ซึ่งวิลล่าที่ได้รับความนิยมจะเป็นวิลล่าที่มีขนาดใหญ่ มีตั้งแต่ห้องนอน 3 ห้องขึ้นไปจนถึง 6 ห้องนอน และในปัจจุบันนักลงทุนต้องการวิลล่าขนาดกะทัดรัด 1-2 ห้องนอน ซึ่งสามารถลงทุนแบบปล่อยเช่าได้ โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ซื้อสามารถเข้าพักได้จำนวน 30-60 วันต่อปีและขึ้นอยู่กับข้อตกลงแต่ละโครงการ
แนวโน้มของตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ต ณ ปี 2564 คาดว่ายังคงชะลอตัวตลอดทั้งปี อันเนื่องมาจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการลงทุนพัฒนาโครงการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวโดยไม่มีการลงทุนใหม่ ๆ เกิดขึ้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยซึ่งภายในจังหวัดภูเก็ตเองยังไม่มีรายได้มาจากนักท่องเที่ยว และเมื่อเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นก็จะส่งผลโดยตรงไปยังภาคอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาโครงการทั้งวิลล่า คอนโดมิเนียม หรือบ้านด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามคาดว่าหลังจากการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ผ่านมานี้ จะเป็นโครงการนำร่องที่จะส่งผลให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผู้ประกอบการน่าจะเริ่มลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ โดยเฉพาะโครงการที่จะขายให้แก่นักลงทุนชาวต่างชาติ ที่เป็นตลาดลูกค้าในกลุ่มประเทศจีนและรัสเซีย โดยคาดว่าจะมีลูกค้าหันมาลงทุนมากกว่าในช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าหากเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อต่าง ๆ อีกในอนาคต ประเทศไทยและจังหวัดภูเก็ตเองเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยและน่าอยู่อาศัย เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตมีระบบสาธารณสุขที่ดี จึงเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่สามารถดึงดูดนักลงทุนเข้ามาได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน
จะเห็นได้ว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ภาพฝันที่ว่า ‘Thailand Best Second Home’ หลังวิกฤติเหล่านี้จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และจะนำมาซึ่งการพัฒนา ออกนโยบายผลักดันต่าง ๆ ในอนาคต ซึ่งในขณะนี้เป็นเพียงภาพลักษณ์ที่ต้องการแสดงถึงการสร้างความเชื่อมั่นต่อการจัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศไทยที่จะทำให้ปรากฎในสายตานานาชาติว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพและสามารถจะเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่พักพิงให้ความปลอดภัยให้แก่ทุกท่านได้อย่างแท้จริง
