ปัจจุบัน ถือว่าบ้านเป็นปัจจัยหนึ่งสำหรับครอบครัว ที่ทุกคนจะต้องคิด ที่จะเตรียมซื้อบ้านกันอย่างแน่นอน ถ้าหากคุณ ทำงาน ที่มั่นคงมีเงินเดือนประจำ กับบริษัทเอกชน ข้าราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ เหล่านี้ละก็ จะไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับการยื่นขอสินเชื่อบ้าน แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ ประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจส่วนตัว เช่น แม่ค้าขายของในตลาดนัด เป็นเจ้าของธุรกิจเปิด เคาน์เตอร์ทัวร์ หรือ บริการเรือยอร์ชให้เช่า เชื่อเลยว่าหลาย ๆ คน คงจะมีคำถามนี้ อยู่ในใจแน่นอนใช่ไหมค่ะ ถ้าวันหนึ่ง เราอยากที่จะมีบ้านสักหลัง เพื่อเป็นที่พักอาศัย สำหรับทุกคนในครอบครัว แต่การจะยื่นกู้ซื้อบ้านสักหลังนั้น ก็จะเป็นปัญหาที่น่าหนักใจของ บรรดาพ่อค้า แม่ขาย อย่างเรา ๆ เสียจริง ถึงแม้ว่าบางคนจะมีรายได้ดี มีเงินเข้ากระเป๋าทุกวัน แต่ถ้าเอกสารหลักฐานไม่ดี ไม่แน่น ไม่เพียงพอก็อาจจะทำให้คุณ ยื่นกู้ไม่ผ่านได้
ดังนั้น ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า เนื่องด้วย การทำธุรกิจส่วนตัวนั้น มีหลากหลายรูปแบบ และมีรายจ่าย – รายรับ ก็ไม่แน่นอน มีปัจจัยเสี่ยงสูง ก็จะเป็นสิ่งหนึ่งที่อาจจะทำให้ธนาคารเกิดความไม่มั่นใจ และอาจจะถูกปฏิเสธจากธนาคารเหล่านั้นได้ แต่ถ้าหากคุณ ๆ ทั้งหลาย ได้ทำการศึกษาทำความเข้าใจ เพื่อหาแนวทาง และปฏิบัติตาม คำแนะนำเหล่านั้น รับประกันได้เลยนะคะว่า การยื่นสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ พ่อค้าแม่ขาย อีกต่อไปค่ะ
ถ้าเราทำอาชีพส่วนตัว เราอยากจะกู้ให้ผ่านนั้น ไม่ยากเลยค่ะ แต่เราจะต้องมีการเตรียมเอกสารที่ค่อนข้างจะพร้อมมาก ๆ ค่ะ และต้องมีรายรับมากพอ เมื่อธนาคารพิจารณาแล้ว รายได้ของเราเพียงพอและสามารถผ่อนบ้านกับธนาคารในระยะเวลาที่ยาวนานได้ ปกติระยะเวลาในการผ่อนบ้าน 1 หลัง ก็จะประมาณ 15 – 30 ปี อันนี้ก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง
ทีนี้เรามาเริ่มตรวจสอบกันก่อนนะคะว่า ธุรกิจของคุณนั้น ได้ทำการจดทะเบียนธุรกิจ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทะเบียนพาณิชย์ กันหรือยัง โดยสามารถแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้
1. ธุรกิจคุณได้มีการจดทะเบียนการค้า หรือทะเบียนพาณิชย์ ก็จะไม่ยากเลย เพราะคุณจะต้องมีการยื่นภาษี ทำบัญชีอยู่แล้ว คุณสามารถยื่นกู้บ้านได้อย่างง่ายดาย แต่จะกู้ได้เท่าไร วงเงินเท่าไรนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับสถานะภาพ ทางการเงินของคุณอีกทีนะคะ
2. ธรุกิจคุณไม่ได้จดทะเบียนการค้า แต่มีเงิน มีรายได้ อันนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่มีปัญหาเยอะมาก และยุ่งยากสักหน่อยค่ะ เนื่องจากธนาคาร ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของคุณได้ แต่ก็สามารถที่จะทำให้คุณกู้ซื้อบ้านผ่านได้เหมือนกัน ถ้าหากเรา สามารถที่จะหาเอกสารหรือเตรียมเอกสาร เพื่อที่จะแสดงที่มาที่ไปของรายได้ ได้อย่างชัดเจน เพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่ของธนาคาร พิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้
สำหรับเอกสารหลักฐานดังกล่าวนั้น ก็สามารถที่จะใช้ได้หลาย ๆ อย่างประกอบกัน ขึ้นอยู่กับธุรกิจที่คุณทำ แต่ก็พอที่จะสรุปเอกสารหลัก ๆ ได้ดังนี้
1. Book Bank หรือสมุดบัญชีเงินฝาก จะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะจะเป็นสิ่งที่จะแสดงรายได้ และสถานะทางการเงินของคุณได้ดีที่สุด ดังนั้น ถ้าหากคุณตัดสินใจที่จะยื่นกู้ซื้อบ้าน คุณจะต้องเดินบัญชีเงินฝาก ให้สวยงาม อย่าได้มีติดลบ และควรมีเงินเข้า เป็นจำนวนที่แน่นอน สม่ำเสมอประจำทุกเดือน ใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี
2. บิลเงินสด/ใบเสร็จรับเงิน ต่าง ๆ จำไว้ว่าแม่ค้าอย่างเราจะต้องเก็บทุกบิลเงินสด หรือใบเสร็จรับเงิน เกี่ยวกับการซื้อมาของวัตถุดิบต่าง ๆ ของธุรกิจคุณ เอาไว้ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อที่จะได้ให้ทางธนาคารทราบว่า มีการดำเนินงานอย่างไรบ้าง และมีการรับเงิน จ่ายเงินเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ บางคน ก็อาจจะถ่ายเอกสารบิลเหล่านี้ เก็บไว้ให้ธนาคารดูย้อนหลังกันเป็น ปี ๆ เลยทีเดียว
3. บัญชีรายรับ-จ่าย บางคนนั้นอาจจะคิดว่า การทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายนั้น ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่นั่น เป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์นะคะ เพราะการที่เราทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายทุกวัน จะเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากจะช่วยในการกู้ซื้อบ้านแล้ว ก็ยังสามารถที่จะทำให้เราได้รู้ถึงสถานะการบริหารธุรกิจของคุณ ว่ามีกำไร หรือขาดทุน ได้อีกด้วย
4. รูปภาพเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ คุณจะต้องเตรียมถ่ายรูปเกี่ยวกับสินค้า ธุรกิจของคุณ เช่น รูปหน้าร้าน แหล่งผลิต วัตถุดิบ หรือสถานประกอบการ เพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าธุรกิจของคุณมีอยู่จริง สิ่งสำคัญก็คือ รูปภาพทั้งหมดเหล่านั้น จะต้องเป็นของจริงนะคะ ไม่ใช่สร้างเรื่องหรือจัดฉากขึ้นมา เพราะทางธนาคารจะต้องมีการตรวจสอบ สถานที่จริงแน่นอนค่ะ ถ้ามาตรวจสอบแล้วไม่พบตามรูปที่ยื่นไป คุณก็อาจจะถูกปฏิเสธสินเชื่อได้ทันทีค่ะ
นอกจากนี้เอกสารเหล่านี้แล้ว ถ้าคุณมีเอกสารหลักฐานอื่น ๆ ก็สามารถนำมาใช้ยืนยันกับทางธนาคารได้ การตัดสินใจซื้อบ้านเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น เราควรที่จะทำให้รอบคอบนะคะ
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ อ่านถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคน ก็คงจะหายเครียดกันบ้างแล้ว ทีนี้ ก็จะถึงเวลาที่คุณจะต้องตั้งงบประมาณว่าต้องการบ้าน ราคาเท่าไหร่ จะซื้อแบบไหนดี บ้าน ทาวเฮ้าส์ หรือ คอนโด ดี หรือว่าจะซื้อบ้านใหม่ หรือ บ้านมือสองดี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คุณก็สามารถที่จะหาข้อมูลได้จาก เวปไซต์ ขายบ้านและอสังหาริมทรัพย์ ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เพราะเวปไซต์เหล่านี้ เขาก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูล และคอยให้คำปรึกษาอยู่แล้ว ขอเอาใจช่วยทุกคนในการที่จะมีบ้านในฝันนะคะ