พลิกวิกฤตต่อยอดอสังหาฯ ลุยอีคอมเมิร์ซ

ถือได้ว่าในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มีพฤติกรรมนิยมซื้อสินค้าต่าง ๆ ผ่านโลกออนไลน์เพิ่มขึ้น รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ อย่างบ้าน คอนโด และที่ดิน ดังนั้น นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จึงได้มีไอเดีย และได้นำโครงการของตนเอง ขายผ่านตลาดอีมาร์เก็ตเพลส ไม่ว่าจะเป็น Shopee (ช้อปปี้), Lazada (ลาซาด้า) ซึ่งเราต่างรู้กันดีว่าทั้ง Shopee และ Lazada นั้นต่างก็มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ และมีลูกเล่นในการดึงคนเข้ามาซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มได้เป็นอย่างดี อาทิเช่น พฤกษา ร่วมกับ Shopee, LPN ร่วมกับ Shopee, อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ร่วมกับ Shopee, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ร่วมกับ Lazada, แสนสิริ ร่วมกับ Lazada เป็นต้น

พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่องทางขายออนไลน์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยกำลังมา ไม่เพียงเป็นแค่ลูกเล่นทางการตลาด(Gimmick)แต่จะเมื่อไรนั้น ต้องรอดูจังหวะอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพฤติกรรรมคนไทยเปลี่ยนไป มักจะใช้เวลาผ่านสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว

เราจะสังเกตได้จากการใช้สมาร์ทโฟน ทำธุรกรรมการเงิน สั่งสินค้า อาหาร ฯลฯ และคาดว่าในอนาคตประเทศไทยจะเหมือนประเทศจีนที่ลูกค้าสามารถซื้อคอนโดมิเนียมผ่านแอพพลิเคชั่นโดยไม่ต้องมีเซลล์แกลเลอรี่ เพราะสามารถดูแกลเลอรี่ผ่านมือถือได้ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเข้าไปดูถึงโครงการ แค่เปรียบเทียบราคาผ่านทางออนไลน์เท่านั้นเอง

“ขณะนี้เรากำลังศึกษาข้อมูลความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้รูปแบบของแอพพลิเคชั่นที่เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าคนไทยจากเหย่าลู่(Uoolu) พันธมิตรในจีนที่ขายคอนโดออนไลน์รายใหญ่ในจีน หากสามารถทำได้ก็จะช่วยลดต้นทุนการทำเซลแกลอรี่ หากเป็นโครงการใหญ่ลงทุน 50-60 ล้านบาท ขนาดเล็ก 20-30 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยต้นทุนที่ลดลงจะนำมาใช้เป็นส่วนลดให้กับลูกค้า คาดว่า 1-2 ปีจะเห็นภาพชัดขึ้นในประเทศไทย”

พีระพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า สินค้าอสังหาริมทรัพย์ ที่ตอบโจทย์ช่องทางขายออนไลน์จะเป็นคอนโดราคาอยู่ระหว่าง 1.5-1.8 ล้านบาท ไม่เกิน 2 ล้านบาท ทำให้ลูกค้าตัดสินใจง่าย พฤติกรรมการซื้อลูกค้าจะเริ่มจากทำเล แบรนด์ ว่าเป็นบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ ใกล้รถไฟฟ้าหรือไม่ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกันมากนัก ส่วนกลุ่มลูกค้าที่นิยมตัดสินใจซื้อทางออนไลน์น่าจะเป็นกลุ่มตั้งแต่เจนวายกลางๆ ขึ้นไปและกลุ่มเจน ซี ที่เติบโตมาพร้อมกับโลกดิจิทัล ที่พร้อมจะหาข้อมูลหรือซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ พฤติกรรมเหล่านี้จึงส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต้องปรับตัวเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เพราะปัจจุบันออริจิ้นมีสัดส่วนลูกค้าออนไลน์ 70% แม้แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัด

“ทุกวันนี้เราใช้เทคโนโลยีบิ๊กดาต้าและอนาไลติกส์มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก่อนที่ตัดสินใจลงทุนทำโครงการต่างๆ เพื่อความแม่นยำ แทนที่ใช้ประสบการณ์ ความรู้สึกในการตัดสินใจ รวมทั้งการค้นหาความต้องการของลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการเพราะนวัตกรรมจะกลายเป็นตัวครีเอทดีมานด์ เหมือนกับที่สตีฟ จอบส์ ทำไอโฟน”

ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษาเรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สมัยก่อนจะเห็นป้ายโฆษณาโครงการอสังหาริมทรัพย์เต็มไปหมด แต่ปัจจุบันเหลือป้ายธงติดรอบโครงการเท่านั้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันนี้ติดใช้ชีวิตอยู่กับสมาร์ทโฟน ดังนั้นแนวทางการทำตลาดของพฤกษาจึงให้ความสำคัญกับดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น คนรุ่นเบบี้บูม เจนเอ็กซ์ เจนวาย เป็นต้น

โดยเปิดให้ผู้ที่สนใจโครงการของพฤกษาลงทะเบียน ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรับรู้ได้ว่าโครงการที่กำลังดำเนินการได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหน คนที่สนใจมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างไร นั่งรถไฟฟ้า รับประทานอาหารแถวไหน ระดับรายได้เท่าไร เพราะมีโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เป็นตัวกรองข้อมูลทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ และต้นทุนถูกกว่าการใช้ป้ายโฆษณาใหญ่ ๆ ลงได้ถึง 4-5 เท่า

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ร่วมมือกับ Shopee ทำการตลาดออนไลน์

“ปกติบริษัทใช้งบดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งไม่ถึง 30% ของงบการทำตลาดทั้งหมด ในปี 2561 พฤกษา มียอดขายจากดิจิทัล 30%และในปีนี้ คาดว่าจะทำยอดขายได้ 50% จากแนวโน้มดังกล่าว คาดว่า 2 ปีจากนี้สัดส่วนรายได้จากดิจิทัลขยับมากขึ้นไปถึง 80%”

โอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า พฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ หันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง อยู่ที่ไหนก็ช้อปได้ ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงได้ร่วมกับ Shopee ที่มีฐานลูกค้าอยู่จำนวนมากเพื่อขยายช่องทางการขายอีกช่องทางหนึ่งและตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใช้ช่องทางซื้อ-ขายผ่านโซเซียล มีเดียมากขึ้น ด้วยการนำสินค้าพร้อมอยู่ทั้งบ้านและคอนโดขายใน Shopee ในรูปแบบ Voucher (บัตรกำนัล) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า หากนำบัตรกำนัลมาแสดงที่สำนักงานขายจะได้รับส่วนลดและของแถม ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี

เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้พฤติกรรมของมนุษย์ก็มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลง ดังนั้น นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ก็ต้องหันมาเปลี่ยนแปลงแนวทางในการทำการตลาด เพื่อรองรับกลุ่มนัก  ช้อปออนไลน์เกี่ยวกับบ้านและคอนโดมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที