สมัยนี้คู่รักที่กำลังจะแต่งงานก็จะหมดยุคที่หลังแต่งงาน จะต้องย้ายบ้านเข้าไปอยู่อาศัยในครอบครัวของสามีหรือภรรยากันแล้ว เพราะคู่รักในยุค 4.0 นั้นส่วนใหญ่คู่รักก็จะหันมาซื้อบ้าน หรือคอนโดและตกแต่งบ้านให้กลายมาเป็นเรือนหอกันทั้งนั้นค่ะ แต่ก็จะมีหลาย ๆ ปัญหาที่อาจจะทำให้คู่รักลำบากใจและเกิดอาการกลัวขึ้นมาก็ได้ว่า หากซื้อบ้านหรือคอนโดแล้ว จะผ่อนไหวหรือเปล่านะ บ้างก็อาจจะกลัวว่าจะหมุนเงินไม่ทัน อาจทำให้ต้องสูญเสียบ้านอันที่รักไป ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป FazWaz มีเคล็ด(ไม่)ลับดี ๆ และง่ายมาก ๆ มาฝากกันในบทความนี้ค่ะ ซึ่งก็จะทำให้คู่รักทั้งหลายได้เตรียมตัวศึกษาหาข้อมูล ในการที่จะวางแผนซื้อเรือนหอ ซึ่งไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโด ก็ตามแต่ไลฟ์สไตล์ของคู่รักแต่ละคู่กันเลยค่ะ เชื่อสิคะว่าจะถูกใจเหล่าบรรดาคู่รักทั้งหลายอย่างแน่นอน แถมอาจจะเหลือเงินเก็บไว้ไปเดินทางท่องเที่ยวอีกเพียบ เราจะเริ่มด้วยการ
1. ทำการสำรวจตรวจเช็ครายรับของทั้งสองคน สำหรับเรื่องรายได้นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้วค่ะ โดยคู่รักทั้งสองคนจะต้องทำการคำนวณรายได้ทั้งหมดว่ามีอยู่เท่าไร และใครจะเป็นคนดูแลรายจ่ายตรงนี้เป็นค่าผ่อนบ้าน คุณอาจจะตกลงกันว่าเอารายได้ทั้งหมดมารวมกัน และนำไปจ่ายค่าบ้านก็ได้ หรืออาจจะให้ใครคนหนึ่งรับผิดชอบเรื่องการผ่อนบ้านไปเลยส่วนอีกคนก็แค่รับผิดชอบดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพื่อที่จะได้เป็นการช่วย ๆ กันอย่างแฟร์ ๆ ค่ะ
2. คำนวณงบประมาณในการผ่อนชำระต่อเดือน หลังจากที่คุณได้คิดคำนวณรายได้ออกมาแล้วนั้น ต่อมาก็จะต้องมาดูว่าในแต่ละเดือนคุณมีรายจ่ายอยู่เท่าไร และมีเงินเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่เท่าไร คราวนี้คุณก็จะรู้ว่าควรที่จะตั้งงบประมาณในการผ่อนบ้านต่อเดือน ๆ ละเท่าไร ที่จะไม่ทำให้คุณทั้งคู่ตึงจนเกินไป ยังคงสามารถที่จะใช้ชีวิตที่สบาย ๆ ชิล ๆ อันนี้ก็แล้วแต่ตามตกลงกันนะคะ
3. เลือกบ้านให้เหมาะสมกับงบประมาณที่เราไหว บ้าน หรือคอนโด โดยทั่วไปย่อมที่จะมีราคาสูง และใช้เวลาในการผ่อนที่นาน สำหรับคู่รักคู่ไหนที่มีงบประมาณค่อนข้างจำกัด ก็ควรหันมาเลือกที่อยู่อาศัยแบบ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโด ในโครงการที่ราคาเบา ๆ ไม่แพงมากนักและอาจจะไม่รีบร้อนในการซื้อจนเกินไป ก็จะทำให้ได้บ้านที่ราคาโดนใจมาพร้อมของตกแต่งบ้านก็ได้นะคะ หลักสำคัญก็คือ เราจะต้องเลือกบ้านที่ไม่ใหญ่ หรือมีพื้นที่ใช้สอยที่ไม่กว้างจนเกินไป และอย่าลืมว่าอย่ายึดติดกับแบรนด์และชื่อเสียงของโครงการมากเกินไป เพราะนั่นก็จะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของราคาบ้านที่แพงลิบค่ะ
4. เลือกทำเลที่ตั้งที่สะดวกกับทั้งคู่ สิ่งต่อมาที่คู่รักจะต้องคำนึงถึงก็จะเป็นในเรื่องของทำเลที่ตั้งของบ้าน และทำเลนี่ล่ะที่จะส่งผลต่อราคาบ้านอีกด้วย เมื่อคุณเลือกจะซื้อบ้านที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอย่างทองหล่อ ในกรุงเทพ แน่นอนว่าราคาก็จะแพงตามไปหลายเท่าตัว ถ้าเปรียบเทียบกับโครงการที่อยู่แถบชานเมืองที่ส่วนใหญ่จะมีราคาถูกกว่าและมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางกว่า อีกทั้งยังสามารถช่วยให้คุณประหยัดไปได้อีกเยอะเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วคุณทั้งคู่ต้องเลือกทำเลที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณจะดีที่สุดค่ะ อาจจะพิจารณาจากระยะทางการเดินทางไปทำงาน ว่าสะดวกสบายมากน้อยแค่ไหน เงินส่วนนี้ก็อาจจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคุณทั้งสองได้อีกเช่นกัน
5. บ้านพร้อมอยู่ (Ready to move in) ช่วยประหยัดงบพร้อมของแถม เคล็ด(ไม่)ลับอันดับสุดท้ายก็จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นั่นคือ การเลือกซื้อบ้านที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ทันที วิธีนี้ช่วยคุณประหยัดเงินได้ไม่น้อย เพราะส่วนใหญ่บ้านมักจะมาพร้อมกับของสมนาคุณ อย่างเฟอร์นิเจอร์บางส่วนให้เรา ตัวอย่างเช่น บางโครงการก็จะแถมแอร์ให้ 2 ตัว แถมโซฟาเบด 1 ตัว แค่นี้คุณก็ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีกส่วนหนึ่งแล้วค่ะ
คราวนี้เมื่อคู่รักอย่างคุณตกลงปลงใจเลือกเรือนหอได้สมใจแล้วก็อย่าลืมติดต่อปรึกษาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อของแต่ละธนาคาร อันนี้ก็ตามแต่ใครจะสะดวกนะคะ อีกอย่างเราต้องมีเงินดาวน์เตรียมไว้อย่างน้อย 10% ของราคาบ้านไว้ด้วย เพราะธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้คุณประมาณ 70-90% อันนี้ก็แล้วแต่โปรโมชันหรือแคมเปญของแต่ละธนาคารและโครงการด้วย ตลอดจนการเลือกระยะเวลาในการผ่อนชำระบ้าน ก็ควรจะให้เหมาะสมกับรายได้ของเราด้วยใครอยากผ่อนสั้น ๆ หมดไวก็โปะเยอะ ๆ เลยค่ะ แต่คุณจะต้องไม่ลืมที่จะเก็บเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉินด้วย เมื่อได้เรือนหอรอรักแล้ว ก็จัดการเตรียมงานแต่งกันเลยค่ะ ทุกอย่างลงตัวแล้วคู่รักทั้งสองคนก็ควรที่จะต้องลงเอยกันเสียทีนะคะ