ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา 3 จังหวัดทำเลทองธุรกิจอสังหาฯ
จากการขยายการลงทุนด้านสาธารณูปโภคการคมนาคมจากภาครัฐ รองรับพื้นที่ภาคตะวันออก ตามโครงการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก อันประกอบไปด้วย ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง ทำให้โซนภาคตะวันออก กลายเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ทำเล “ได้รับความนิยม” ในขณะนี้ ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้าไปเดินหน้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่จะหลั่งไหลเข้ามาพักอาศัยในพื้นที่เพื่อทำงานกันมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าให้จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นเมืองน่าอยู่ รองรับการขยายตัวของกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก จังหวัดชลบุรีนั้นเป็นศูนย์กลางการศึกษาและพัฒนาทักษะนานาชาติ ศรีราชาและแหลมฉบัง จะเป็นเมืองอุตสาหกรรมการผลิตสมัยใหม่ พัทยา สัตหีบ อู่ตะเภา ก็จะเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ รวมถึงศูนย์ธุรกิจการบินและโลจิสติกส์แห่งอาเซียน และยกให้ มาบตาพุด-ระยอง เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในอาเซียน และอุตสาหกรรมพลังงานเคมี ชีวภาพ วิจัยอาหารและไบโออีโคโนมี
LTV กระทบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ได้มีรายงานกล่าวถึงแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่เขตอีอีซีปี 2562 ว่า มาตรการควบคุมสินเชื่อจะส่งผลกระทบให้ตลาดที่อยู่อาศัยของอีอีซีในไตรมาส แรกนั้น ยังคงมีการเร่งโอนอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV (Loan to Value) ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาประกาศให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2562 แต่ในช่วงไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 4 ของปี 2562 อาจจะชะลอตัวลงมีความเป็นไปได้ว่าการโอนกรรมสิทธิ์ ที่อยู่อาศัยจะลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สำหรับความต้องการที่อยู่อาศัยจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซีของภาครัฐ จะสังเกตได้จากราคาที่ดินที่สูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการบ้านแนวราบมีแนวโน้มที่จะมีการขยายตัว โดยเป็นการขยายตัวในกลุ่มของทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดมากขึ้น ขณะที่อาคารชุดหรือคอนโดจะยังเป็นความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผล กระทบจากมาตรการ LTV ก็ตาม แต่การเติบโตและความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่อีอีซีก็ยังได้รับการตอบรับอย่างดี ถ้าดูจากภาคเศรษฐกิจตัวจังหวัดชลบุรี จะเห็นว่ารายได้ต่อเดือนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ซึ่งปัจจุบัน อยู่ที่ 28,000 บาทต่อคนต่อเดือน, ระยองจะอยู่ที่ 30,000บาทต่อคนต่อครัวเรือน และยังมีฉะเชิงเทราอีกจังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยต่อคนจะมีรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ยกเว้น กรุงเทพฯและปริมณฑล ที่มีรายได้ประมาณ 45,000 บาทต่อคนต่อเดือน เมื่อเทียบกับจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว อย่างภูเก็ตหรือสุราษฎร์ธานี ที่มีรายได้ต่อคนที่ 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน
อีอีซี (EEC) ทำเลทอง
การลงทุนจะเน้นไปที่เมืองที่มีเศรษฐกิจหรือกลุ่มอุตสาหกรรม คือชลบุรีและระยอง นอกจากนี้ นโยบายปัจจุบันภาพใหญ่ของเส้นทางสายไหมใหม่ (New Silk Road Economic Belt and New Maritime Silk Road) หรือที่เรามักจะเรียกโดยย่อว่า One Belt One Road – OBOR คือถ้าเจาะลึกลงไป 3 จังหวัด ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ก็จะถือว่าเป็นทำเลยุทธศาสตร์ของโลก ทำให้บริษัทมีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งปัจจุบันจะเห็นว่าโปรเจ็กต์หลักๆ ของอีอีซีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ หรือกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ถ้าระบบราง เช่น มอเตอร์เวย์ ทางเรือน้ำลึกแหลมฉบัง สนามบินอู่ตะเภา ไฮสปีดเทรน เชื่อม 3 สนามบิน ถ้าแล้วเสร็จ ก็จะทำให้คนจากดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ใช้เวลาในการเดินทางไม่ถึงชั่วโมง จะทำให้บริษัทมีโอกาสในการเข้ามาพัฒนาพื้นที่มากยิ่งขึ้น
มิกซ์ยูสเมืองอัจฉริยะ
เราจะเห็นได้ว่าโครงการ Origin Smart District Rayong นั้น เป็นโครงการมิกซ์ยูสโปรเจ็กต์ที่มีขนาดใหญ่กว่าที่ศรีราชา ซึ่งจะเห็นว่าภาครัฐเองก็ให้ความสำคัญสมาร์ทซิตี้ที่ระยองและศรีราชา สำหรับโครงการของบริษัทอยู่หน้านิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ไม่ไกลจากตัวเมืองระยอง และไม่ไกลจากสนามบินอู่ตะเภา ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที และยังใกล้กับศูนย์ราชการของระยอง ดังนั้นในกลางปี ออริจิ้น พรอพเพอร์ตี้ ก็จะมีการเปิดโปรเจ็กต์ใหม่เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองในอนาคต โดยจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 5 ปี โดยมีแผนที่จะก่อสร้าง 5 โครงการ ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม, โรงแรม, คอมมูตี้มอลล์ และอีก 2 ส่วนคือการบริการด้านออฟฟิศ
คราวนี้เมื่อสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านคมนาคมขนส่ง เข้าถึงพื้นที่หรือทำเลเหล่านี้เมื่อไรล่ะก็ จะทำให้เกิดความเจริญเติบโตไปในทุก ๆ ด้านอย่างแน่นอน คนก็จะมีงานทำเพิ่มมากขึ้น การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ก็จะดีขึ้นทันสมัยและมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตามมาอีกเพียบอย่างแน่นอนค่ะ
