“6 ปัจจัย” ยอดนิยมช่วยพยุงเศรษฐกิจอสังหาฯ……ในปี 64

จากสถานการณ์เบื้องต้น พบว่าแนวโน้มตลาดด้านอสังหาริมทรัพย์ในปี 64 นั้น ยังคงต้องระมัดระวัง ถึงแม้ว่าจะมีข่าวดีเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วก็ตาม แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะไม่เห็นผลในทันที และยังคงต้องใช้เวลาอย่างต่อเนื่องในการฟื้นฟูให้ดีขึ้นตามลำดับ ทำให้ผู้ที่จะซื้อที่อยู่อาศัยบางส่วนชะลอการตัดสินใจ เพื่อรอดูสถานการณ์ และทิศทางเศรษฐกิจในปี 64 เพราะการซื้อที่อยู่อาศัยในปีหน้า ยังเป็นโอกาสทองสำหรับคนที่อยากมีบ้าน ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอยู่ในช่วงที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับราคาลดลงอย่างน่าสนใจ และคาดว่าในปี 64 นั้น การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจะได้รับอิทธิพลจาก 6 ปัจจัย ที่ผู้อยู่อาศัยให้ความสำคัญและสนใจมากขึ้น ดังต่อไปนี้

1. บ้านเพื่อสุขภาพ (Wellness) ความสำคัญด้านสุขภาพ เข้ามามีส่วนสำคัญมากขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เมื่อโลกต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การพัฒนาโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด รวมไปถึงอาคารสำนักงานต่าง ๆ จึงมีดีไซน์การออกแบบให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสม ให้อยู่ในลักษณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสุขอนามัย (Universal Design) โดยจัดสรรพื้นที่พักอาศัย ให้มีพื้นที่รองรับการทำงาน และการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้มีมุมผ่อนคลาย หรือสถานที่ออกกำลังกาย ที่เอื้อต่อการเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญ ที่เข้ามามีบทบาทต่อผู้พัฒนาโครงการ และผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

บ้านเพื่อสุขภาพ (Wellness)

2. ที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้สูงวัย (Senior Living) การออกแบบที่พักอาศัยโดยคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัย ผู้พัฒนาโครงการและโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่ง ได้จับมือกันร่วมพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ผู้พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัย โดยการออกแบบที่พักอาศัยเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกหลาย ๆ ด้าน ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับคุณหมอ และมีพยาบาลดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด

ที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้สูงวัย (Senior Living)

3. ที่อยู่อาศัยราคาจับต้องได้ (Affordable Living) ที่พักอาศัยในระดับราคา 1 – 3 ล้านบาทนั้น เป็นที่สนใจในกลุ่มคน ช่วงวัยเริ่มต้นทำงาน ที่มีความต้องการบ้าน หรือคอนโดมิเนียม จึงทำให้ผู้พัฒนาโครงการ ออกมาเปิดตัวโครงการในราคานี้กันมากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นบ้านทาวน์โฮมราคาเกิน 3 ล้านบาท ก็คาดว่าจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีความน่าสนใจเช่นเดียวกัน

ที่อยู่อาศัยราคาจับต้องได้ (Affordable Living)

4. มีพื้นที่สีเขียว หรือสวนผักเพื่อบริโภค (Eat-Able Garden) อีกหนึ่งเทรนด์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ในกลุ่มที่อยู่อาศัย หรือสำนักงาน ที่สร้างพื้นที่สีเขียว เพื่อเป็นแหล่งสร้างอาหารปลอดสารพิษให้กับครอบครัว ซึ่งสำนักงานหรืออาคารส่วนใหญ่ ได้นำปัจจัยเรื่องพื้นที่สร้างแหล่งอาหารไปพิจารณาในการประเมินมาตรฐาน WELL และ Fitwel (รางวัลอาคารเพื่อคุณภาพชีวิต) เพื่อมอบรางวัลด้านบริหารจัดการ ให้กับอาคารที่ออกแบบ และบริหารจัดการที่ใส่ใจต่อสุขภาวะของพนักงาน และผู้ใช้อาคารได้ด้วย

มีพื้นที่สีเขียว หรือสวนผักเพื่อบริโภค (Eat-Able Garden)

5. ทำเลที่อยู่อาศัยอยู่ชานเมืองมากขึ้น (Urbanization) จากการพัฒนาเครือข่ายคมนาคม และโครงการ Smart City ของรัฐบาล ทำให้ที่อยู่อาศัยกระจายออกไป และเกิดทำเลใหม่ ๆ มากขึ้น ในโซนรอบกรุงเทพฯ ทั้งถนนกรีฑาตัดใหม่ ที่มีเส้นทางใหม่เชื่อมต่อกับพื้นที่รามคำแหง พระราม 9 ที่สามารถเข้าถึงสนามบินได้รวดเร็ว ซึ่งสามารถเดินทางไปยังโครงการพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และจังหวัดอื่น ๆ ที่ได้รับการส่งเสริมให้เป็น Smart City อย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา และระยอง นอกจากนี้ ก็ยังมีบริเวณพื้นที่โซนรอบกรุงเทพ ที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดงและสีเขียว ที่มีส่วนขยายไปถึงจังหวัดปทุมธานี

ทำเลที่อยู่อาศัยอยู่ชานเมืองมากขึ้น (Urbanization)

6. บริการหลังการขายระดับมืออาชีพ (Professional after-sales service) เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผู้เลือกซื้อที่อยู่อาศัยตระหนักถึงความสำคัญ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม ที่ต้องการทีมงานบริการหลังการขายที่มีคุณภาพ บริการครอบคลุมรายละเอียดต่าง ๆ ได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น งานช่าง ที่ลูกบ้านไม่สามารถจัดการเองได้ เช่น ซ่อมก๊อกน้ำ ท่ออุดตัน หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ไปจนถึงงานรักษาสภาพพื้นที่ส่วนกลางให้สวยงามน่าอยู่ในระยะยาว เช่น งานระบบวิศวกรรมอาคาร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางให้คงสภาพดีน่าใช้งานอยู่เสมอ

บริการหลังการขายระดับมืออาชีพ (Professional after-sales service)